JAS วิ่งแรง 5% ส่งซิก “ปันผลพิเศษ” หลังรับเงิน NT กว่า 5 พันล้าน

JAS บวกเกือบ 5% ส่งสัญญาณปันผลพิเศษ หลังรับเงินจาก NT กว่า 5,000 ล้านบาท ย้ำชัดไม่นำไปชดเชยค่าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก พร้อมยอมรับ JAS สนใจถือตรงหุ้น MONO เสี่ยงต่ำรับส่วนแบ่งรายได้อย่างเดียว เร่งขยายแพลตฟอร์ม Monomax สู่อินโดนีเซีย-มาเลเซีย และฟิลิปปินส์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ส.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ณ เวลา 10:03 น. อยู่ที่ระดับ 1.58 บาท บวก 0.07 บาท หรือ 4.64% สูงสุดที่ระดับ 1.59 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.56 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 34.83 ล้านบาท

ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JAS เปิดเผยภายในงานสัมมนา “Market’s New Magnet” ภายใต้หัวข้อ “ผู้นำธุรกิจโลกยุคใหม่” จัดโดยหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงกรณีเงินที่ JAS ชนะคดีบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ที่ต่อสู้มายาวนานกว่า 17 ปี มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท (เงินต้นกว่า 2,300 ล้านบาท บวกดอกเบี้ย) จะไม่ถูกนำไปใช้ชดเชยค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (EPL) แน่นอน เนื่องจากโครงการดังกล่าวสามารถเลี้ยงตัวเองได้ โดยตามหลักการเบื้องต้น เงินก้อนดังกล่าว สามารถจัดสรร 3 ทาง ได้แก่ 1) การจ่ายเงินปันผลพิเศษให้ผู้ถือหุ้น 2) การกันเป็นเงินสดสำรองเพื่อเสริมความมั่นคง 3) ใช้ลงทุนธุรกิจใหม่หรือปรับโครงสร้างบุคลากร

โดยคาดว่า JAS จะได้รับเงินก้อนนี้ภายใน 60 วัน หลังการเจรจาเกี่ยวกับการชำระเงินกับ NT คาดว่าจะใช้เวลาประ มาณ 1-2 สัปดาห์ และเชื่อว่า NT มีเงินพร้อมจ่ายอยู่แล้ว

ส่วนการขยายฐานสมาชิกของ Monomax ที่อยู่ในเครือเดียวกับ JAS ถูกนำมาใช้เป็นช่องทางหลักในการให้บริการสตรีมมิ่งพรีเมียร์ลีก โดยมีการใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าเดิมของ Monomax และความเชี่ยวชาญในการผลิตคอนเทนต์ และมีแผนจะขยายแพลตฟอร์ม Monomax ไปยังตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ในอนาคต

ขณะที่ ดร.โสรัชย์ ยอมรับว่า หุ้นบริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO น่าสนใจอย่างยิ่งที่จะมีการควบรวมกิจการ ส่วน JAS จะเข้าไปถือหุ้นโมโนโดยตรงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ถือหุ้นใหญ่

“MONO มีความเสี่ยงน้อยกว่า JAS เพราะรับส่วนแบ่งรายได้เพียงอย่างเดียว ไม่ต้องแบกภาระค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอด สดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ดังนั้นจึงมองว่าเป็นหุ้นที่น่าสนใจ” ดร.โสรัชย์ กล่าว

โดยปัจจุบัน MONO ถือหุ้นใหญ่โดยนายพิชญ์ โพธารามิก สัดส่วน 56.29% ขณะที่ JAS กว่า 50.89% ก็ถือหุ้นโดยนายพิชญ์ เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้เทคโนโลยีใช้เทคโนโลยี OTT (Over-The-Top) และแอปพลิเคชัน Streaming ช่วยให้บริษัทได้เปรียบเชิงต้นทุน เพราะเป็นต้นทุนคงที่ (fixed cost) ไม่ว่าจะมีผู้ชม 500,000 หรือ 3 ล้านคน ต้นทุนแทบไม่ต่างกัน เมื่อผ่านจุดคุ้มทุนแล้วกำไรขั้นต้นจะสูงมาก อีกทั้ง OTT ยังให้ความสะดวกในการเข้าถึง ไม่เพียงในประเทศ แต่ยังสามารถรับชมได้ทั่วโลกผ่านระบบโรมมิ่ง ซึ่งต่างจากกล่องรับสัญญาณแบบเดิมที่จำกัดการใช้งาน

สำหรับเหตุผลที่เลือกทำสัญญายาวถึง 6 ปี แทน 3 ปีตามปกตินั้น ถือเป็นกลยุทธ์เพื่อสร้างฐานธุรกิจที่มั่นคง บริษัทมองว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีในการเรียนรู้และปรับตัว หากได้สิทธิ์เพียง 3 ปีจะไม่ทันเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เต็มที่ การมีสิทธิ์ยาว 6 ปี จึงช่วยให้ JAS โฟกัสการเติบโตโดยไม่ต้องเร่งสร้างกำไรในช่วงแรก

โดย JAS จะใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Streaming และ Network เชื่อมต่อธุรกิจคอนเทนต์เดิมของ Monomax (scripted entertainment) กับคอนเทนต์กีฬา (non-scripted entertainment) เพื่อสร้างฐานสมาชิกใหม่ และผลักดันกำไรที่มั่นคงยั่งยืน พร้อมวางตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งในอนาคต

ด้านรายได้จากค่าสมาชิก (Subscriber Fees) Monomax กำหนดที่ 299 บาทต่อเดือน และ 2,999 บาทต่อปี โดยมีการแบ่งรายได้กับบริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO  ประมาณ 50 บาทต่อสมาชิกต่อเดือน ส่วนที่เหลือเป็นของ JAS

Back to top button