BGRIM ปิดดีลซื้อหุ้น “reNIKOLA” มาเลเซีย ลุยลงทุนโซลาร์ฟาร์ม 375 MW

BGRIM ปิดดีลซื้อหุ้น reNIKOLA สัดส่วน 45% เดินหน้าลงทุนโซลาร์ฟาร์ม ขนาด 375 เมกะวัตต์ ในมาเลเซีย พร้อมอยู่ระหว่างศึกษาโครงการอื่นๆ เพื่อตามเป้าหมายการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในปี 2568 ไปสู่ 7,200 เมกะวัตต์


ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 B.Grimm Power Malaysia Sdn. Bhd. (B.Grimm Malaysia) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ถือหุ้น 100% ได้เข้าทำสัญญาจองซื้อหุ้น เพื่อเข้าซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ reNIKOLA Holdings Sdn (reNIKOLA) คิดเป็นสัดส่วน 45% ภายใต้มูลค่าการซื้อขายรวม 367 ล้านมาเลเซียริงกิต

ทั้งนี้ B.Grimm Malaysia ยังได้เข้าทำสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อทำการแลกหุ้นระหว่างกันกับ Pimpinan Ehsan Berhad (PEB) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศมาเลเซีย โดยภายหลังการแลกหุ้นดังกล่าว B.Grimm Malaysia จะมีสัดส่วนการถือหุ้นใน PEB 40.6% และ PEB จะถือหุ้นใน reNIKOLA Holdings ในสัดส่วน 100% ทั้งนี้รายการดังกล่าวอยู่ระหว่างการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

โดย reNIKOLA เป็นกลุ่มธุรกิจด้านพลังงานทดแทนที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว รวม 88 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการเจรจาทำสัญญาซื้อขายหุ้นอีก 90 เมกะวัตต์ ในอนาคตอันใกล้ รวมถึงมีการลงนาม MOU กับองค์กรใหญ่หลายแห่งในประเทศมาเลเซียเพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่ขนาด 375 เมกะวัตต์ ภายใต้ Third Party Contract (Corporate PPA) รวมทั้งอยู่ระหว่างศึกษาโครงการอื่นๆ เพิ่มเติมอีกหลายโครงการ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ และธุรกิจสายส่ง

นอกจากนี้ผู้บริหารของ reNIKOLA ถือเป็นผู้ที่มีความชำนาญแนวหน้าในธุรกิจพลังงานทดแทนของประเทศมาเลเซีย ด้วยการพัฒนาและเปิดดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าโครงการแรก ภายใต้ระบบประมูล Large Scale Solar (LSS) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนโครงการแรกในประเทศมาเลเซียที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงพลังงาน, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ภายใต้เงื่อนไข Third Party Contract (Corporate PPA)

ขณะเดียวกัน B.Grimm Malaysia ยังได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น เพื่อเข้าซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 49% และหุ้นบุริมสิทธิในสัดส่วน 100% ของ Tamara East Sdn. Bhd. (ซึ่งเป็นบริษัทที่จะใช้เพื่อการลงทุนพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในอนาคต) ภายใต้มูลค่าการซื้อขาย 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย

ทั้งนี้ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่เปิดดำเนินการแล้ว จำนวน 737 เมกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ขยะอุตสาหกรรม และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ในประเทศไทย เวียดนาม กัมพูชา สปป.ลาว นอกจากนี้ยังมีโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดติดตั้งบนหลังคาอีกหลายโครงการทั้งในประเทศไทยและฟิลิปปินส์

ขณะเดียวกัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโครงการพลังงานทดแทนหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ด้วยกำลังการผลิตรวม 126 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการพลังงานลมในโปแลนด์ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำในสปป.ลาว และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบไฮบริดในประเทศไทย โดย บี.กริม เพาเวอร์ ตั้งเป้าหมายการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในปี 2568 ไปสู่ 7,200 เมกะวัตต์ จาก 3,058 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2563 และเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องไปเป็น 10,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 โดยมีเป้าหมายรายได้ 100,000 ล้านบาทต่อปี

Back to top button