โบรกฯ แนะซื้อ TACC เป้า 9.50 บ. กำไร Q3 เกินคาด ชี้ Q4  โตต่อ

“ฟินันเซีย” แนะซื้อ TACC เป้า 9.50 บ. สะท้อนกำไรไตรมาส 3/64 เติบโตเกินคาด ลุ้นไตรมาส 4/64 โตต่อ รับอานิสงส์เปิดเมือง จับตาปี 65 กำไรโต 20% แตะ 249 ล้านบาท


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (12 พ.ย.64)  ประเมินเกี่ยวกับหุ้นบริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ TACC หลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2564 เท่ากับ 56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 19.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้หากไม่รวม FX Gain 3.9 ล้านบาทจะมีกำไรปกติเท่ากับ 52 ล้านบาท ทรงตัว เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพิ่ม15.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนดีกว่าคาด 5% ซึ่งก่อนหน้านี้คาดไว้ที่ 49.50 ล้านบาท จึงถือเป็นกำไรที่ดี ภายใต้สถานการณ์โควิดที่กระทบลูกค้ารายใหญ่อย่าง 7-11 ทำให้จำนวนลูกค้าเข้าร้านลดลง และปัญหา Supply Chain ส่งผลให้รายได้ในไตรมาสนี้ 11.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าลดลง 10.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ดีด้วยความสามารถในการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด ประกอบกับการเป็นธุรกิจ Trading ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในการบริหารจัดการ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับลงเล็กน้อยเป็น 38.2% จาก 38.9% ในไตรมาส 2/2564 และยังสูงขึ้นจาก 32.2% ในไตรมาส 3/2563 ด้วยผลของ Product Mix เครื่องดื่มขนาด 22 ออนซ์ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการว่าจ้าง OEM ในการผลิตสินค้าและยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีต่อเนื่อง 20.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าทรงตัว เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนทำให้สัดส่วน SG&A to Sale ควบคุมได้ดี17.9% จาก19.9% ในไตรมาส 2/2564 และ 16% ในไตรมาส 3/2563 สำหรับส่วนแบ่งขาดทุนบริษัทร่วมลดลงมาอยู่ที่ 4 แสนบาท จาก 8 แสนบาทไตรมาส 2/2564 เนื่องจากอยู่ในช่วงเริ่มต้นการดำเนินธุรกิจของ TCI ในธุรกิจกัญชง

ขณะที่งวด 9 เดือนปี 2564 เท่ากับ 156 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี คิดเป็นสัดส่วน 75% ของประมาณการทั้งปี แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2564 จะเติบโตได้ดีมากขึ้นตามการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของจานวนลูกค้าเข้าร้านของ 7-11 และธุรกิจ Character ที่ลูกค้าเริ่มมั่นใจกลับมาทำการตลาดอีกครั้ง

นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เน้นขยายเข้าไปในลูกค้าใหม่มากขึ้น ได้แก่ Lotus’s, Bao Café และอยู่ระหว่างเจรจาพัฒนาความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ Bon Café จะเห็นความชัดเจนตั้งแต่ ไตรมาสแรกของปี2565 เป็นต้นไป ส่วนธุรกิจกัญชง อยู่ระหว่างรอผลผลิตวัตถุดิบและสารสกัดกัญชง โดยบริษัทมีแผนนามาพัฒนาเป็นสินค้าที่ตนเองเชี่ยวชาญต่อไป คาดจะได้เห็นผลิตภัณฑ์กัญชงจากบริษัทอย่างเร็วใน ครึ่งปีแรกของปี 2565

ทั้งนี้ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2565 ไว้ที่ 206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ 249 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ และคงราคาเป้าหมาย 9.5 บาท (อิง PE เดิม 23 เท่า)

 

 

 

 

 

 

Back to top button