
“กัณฑรา” ชี้ยุบสภาเขย่าตลาดระยะสั้น ชู GULF-PTT-MTC หุ้นเด่นเน้นปลอดภัย–ยีลด์สูง
“กัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา” ประเมินตลาดหุ้นไทยโดนกดดันระยะสั้นหลังประกาศยุบสภาของรัฐบาล “อนุทิน” จากสถิติมักอ่อนตัวในช่วงแรก และค่อยทยอยฟื้นตัวเมื่อใกล้เลือกตั้ง แนะตั้งรับและเลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานแข็งแรงอย่าง GULF, PTT และ MTC รวมถึงหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์และกลุ่มธนาคารเพื่อรับมือความผันผวนในช่วงนี้
นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (12 ธ.ค.68) ว่า การยุบสภาใถืของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีระกุล ถือเป็น “เซอร์ไพรส์” ของตลาด ซึ่งตามสถิติในอดีต ตลาดหุ้นไทยมักตอบสนองเชิงลบในช่วงเดือนแรกหลังการยุบสภา ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวในเดือนที่สอง และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเข้าใกล้วันเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นมักได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังด้านนโยบายในช่วงหาเสียง โดยเฉพาะในช่วง 1–2 สัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งมักมีสภาพคล่องหมุนเวียนและแรงเก็งกำไรเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม กรณีปัจจุบันยังต้องติดตามเงื่อนไขทางกฎหมายและความชัดเจนของการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งอาจกลายเป็นความเสี่ยงใหม่หากกระบวนการล่าช้า
นายกัณฑรา ระบุว่า หากไม่สามารถจัดให้มีการเลือกตั้งได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขาดแรงขับเคลื่อน เนื่องจากรัฐบาลรักษาการไม่สามารถออกมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ได้ ทั้งโครงการกระตุ้นการใช้จ่าย เช่น “คนละครึ่ง” หรือมาตรการเยียวยาจากอุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญอย่างหาดใหญ่ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาเลเซียเป็นกลุ่มหลัก
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบจากความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุน ส่งผลให้การหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบชะลอตัว และกดดันการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับเพียงร้อยละ 1 กว่า และยังไม่เพียงพอต่อการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
ในด้านกลยุทธ์การลงทุน นายกัณฑรา มองว่า ตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ยังขาดแรงซื้อใหม่อย่างชัดเจน โดยนักลงทุนต่างชาติและกองทุนในประเทศยังไม่กลับเข้ามา ทำให้การเคลื่อนไหวของดัชนีเป็นเพียงการหมุนสลับหุ้นภายในตลาด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยเพียง 26,000–27,000 ล้านบาทต่อวัน
สำหรับแนวโน้มระยะสั้น แนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์เชิงเทคนิค ตั้งรับตามแนวรับสำคัญ และเลือกลงทุนในหุ้นที่มีความแข็งแกร่งของพื้นฐาน อาทิ กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคารพาณิชย์ รวมถึงหุ้นไฟแนนซ์ที่ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง โดยมองว่าบริเวณดัชนี 1,200–1,250 จุด เป็นระดับที่น่าสนใจสำหรับการสะสมระยะยาว
ขณะเดียวกัน ตลาดยังจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมือง ภัยพิบัติ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ แม้มาตรการดังกล่าวจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นในเชิงทฤษฎี แต่ยังถูกถ่วงด้วยความไม่แน่นอนเชิงนโยบายในประเทศ
สำหรับหุ้นที่นายกันฑรามองว่ามีความน่าสนใจในช่วงนี้ ประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD รวมถึงหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ และกลุ่มธนาคารอื่น ๆ
