TKS กำไร 9 เดือน โต 6 เท่าตัว! แตะ 1 พันลบ. จ่อพลิกโฉมสู่ “หุ้นเทค” ตามเทรนด์โลก

TKS กำไร 9 เดือน โต 6 เท่าตัว! แตะ 1 พันลบ. พร้อมก้าวสู่หุ้นเทค มี SYNEX-SABUY ต่อยอดธุรกิจ เดินหน้าลงทุนสตาร์ทอัพเทคขั้นสูงทั่วโลก หวังรองรับการเติบโตและเป็นโอกาสธุรกิจในอนาคต


นายจุติพันธุ์ มงคลสุธี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS ผู้ประกอบธุรกิจ Security Printing ครบวงจรรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 3 ปี 2564  (1 ก.ค. – 30 ก.ย.2564) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 852.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 782.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1,105 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 70.80 ล้านบาท ซึ่งมีรายได้จากการขายและการให้บริการ  413.30 ล้านบาท ลดลง 51.90 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.10 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 465.20 ล้านบาท เป็นผลจากการชะลอโครงการของลูกค้ากลุ่มธนาคารและภาคการส่งออก ในกลุ่มสินค้าประเภทงานพิมพ์ธุรกิจปลอดการปลอมแปลง ฉลากสินค้า และบัตรพลาสติก จากผลกระทบของโควิด-19

อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตและควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าเพิ่มขึ้น 13.60 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.3 และรับรู้กำไรจากการปรับโครงสร้างธุรกิจในทางบัญชี จำนวน 776.10 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 852.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 782.10 ล้านบาท หรือร้อยละ 1,105

สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,076.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 923.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 602.30 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 153.30 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 28.70 เพิ่มสูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 22 เนื่องจากสามารถบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารให้เหมาะสม และได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการค้าร่วมเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.50 จากความต้องการสินค้าไอทีที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และรับรู้กำไรจากการปรับโครงสร้างธุรกิจในทางบัญชี จำนวน 776.1 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 1,373.40 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อยจำนวน 29.70 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.10 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 1,403.10 ล้านบาท

โดยในไตรมาส 3/2564 บริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนออกใหม่ของบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ซึ่งเป็นผู้นำด้านการให้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านวิธีอิเล็กทรอนิกส์หลายรูปแบบ (Fintech Ecosystem) ในสัดส่วน 9.68% เพื่อเสริมในส่วนของการเป็นบริษัท Tech Ecosystem และยังสร้างโอกาสในการขยายฐานลูกค้าร่วมกัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการจัดโครงสร้างธุรกิจสิ่งพิมพ์กระดาษและธุรกิจบัตรพลาสติกของบริษัท ทีบีเอสพี จำกัด (มหาชน) หรือ TBSP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 98.48 โดยภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจเสร็จสิ้น บริษัทฯ ได้ขายหุ้นสามัญของ TBSP คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 73.48 และคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,005.02 ล้านบาท ให้แก่ SABUY ซึ่งการขายหุ้นครั้งนี้จะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ คงเหลือร้อยละ 25 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TBSP

ทั้งนี้บริษัทฯ และ SABUY จะผนึกกำลัง (Synergy) เพื่อปรับเปลี่ยนและต่อยอดรูปแบบธุรกิจบัตรพลาสติกของ TBSP ให้มีโอกาสเข้าถึงฐานลูกค้ารายใหม่ในตลาดการเงินอิเล็กทรอนิกส์และการบริหารจัดการศูนย์อาหารซึ่งเป็นคู่ค้าเดิมของ SABUY ในขณะเดียวกันบริษัทฯ และ TBSP ก็จะได้มีโอกาสร่วมลงทุนในธุรกิจให้บริการรับชำระเงินผ่านวิธีอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงธุรกิจการจำหน่ายสินค้าผ่านตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ซึ่งเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เน้นการทำธุรกรรมผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นในปัจจุบัน บริษัทฯ เชื่อว่าการร่วมลงทุนกันระหว่าง บริษัทฯ, TBSP และ SABUY จะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ของทุกฝ่ายร่วมกันในอนาคต

“บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการปรับแผนธุรกิจของบริษัทฯมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยการพัฒนานวัตกรรมด้านระบบสารสนเทศ และได้ปรับโครงสร้างองค์กรในกลุ่มบริษัทให้เกิดผลผนึก (Synergy) ทั้งด้านการพัฒนาตลาดและผลิตภัณฑ์ และด้านการลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยรวมสำหรับรักษาฐานธุรกิจเดิมควบคู่ไปกับการหาพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ที่ผ่านมา TKS มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง มีการเข้าลงทุนใน บริษัทเทคโนโลยีเพื่อพลิกโฉมองค์กรก้าวสู่การเป็นบริษัท Tech Ecosystem ตามเทรนด์ของโลก การเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตและเป็นโอกาสธุรกิจในอนาคต” นายจุติพันธุ์ กล่าว

อีกทั้งล่าสุดบริษัทฯ เข้าไปลงทุนในกองทุน SeaX Ventures ซึ่งเป็นกองทุนสัญชาติไทย ที่เน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพทั่วโลกที่มีเทคโนโลยีชั้นสูง (Deep Technology) ใน 6 ด้าน ได้แก่ Blockchain, Foodtech, Biotech & Life Science, Artificial Intelligence, Robotics และ IoT & Hardware ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทในการปรับโครงสร้างธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีโซลูชั่นแบบครบวงจร

โดยปัจจุบันบริษัทฯ ลงทุนใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ (1) ธุรกิจผู้ให้บริการสิ่งพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและบริหารคลังสินค้า (Security & Fulfillment Solution) ผ่านการลงทุนในบริษัท ที.เค.เอส. สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด  (2) ธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทสินค้าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ และระบบสารสนเทศ (IT Ecosystem) ผ่านการลงทุนในบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX (3) ธุรกิจผู้ให้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านวิธีอิเล็กทรอนิกส์หลายรูปแบบ (Fintech Ecosystem) ผ่านการลงทุนใน SABUY และ TBSP และ (4) ธุรกิจผู้ให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) ผ่านการลงทุนในบริษัท โกไฟว์ จำกัด

 

Back to top button