โบรกฯเชียร์ซื้อ HANA เป้า 92 บ. มองกำไร Q4 แตะ 770 ลบ. รับคำสั่งซื้อโตต่อเนื่อง

โบรกฯเชียร์ซื้อ HANA เป้า 92 บ. มองกำไร Q4 แตะ 750-770 ลบ. รับคำสั่งซื้อโตต่อเนื่อง ภายหลังโรงงานอยุธยากลับมา Operate ได้เต็มที่อีกครั้ง ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นใน 2-3 ปีข้างหน้าจากความต้องการ EV Car เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ยังมีศักยภาพในการเติบโต


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 พ.ย. 64) ถึงกรณีของ บริษัท ฮานาไมโครอิเล็กทรอนิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ HANA โดยฝ่ายวิจัยคาดว่าในระยะสั้นกำไรไตรมาส 4/2564 จะกลับมาฟื้นตัวอยู่ที่ราว 750-770 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และเมื่อเทียบจากปีก่อน ภายหลังโรงงานอยุธยากลับมา Operate ได้เต็มที่อีกครั้ง

ขณะที่คำสั่งซื้อยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง ส่วนปัญหาพลังงานในจีนไม่กระทบต่อโรงงานที่เจียซิงของบริษัท ซึ่งฝ่ายวิจัยเชื่อว่าด้วยรายได้ที่ดีจะสามารถหักล้างปัจจัยลบได้ทั้งหมด โดยมี 2 ประเด็นคือ ปัญหา Chip Shortage ที่ยังมีอยู่ ซึ่ง Lead Time ของวัตถุดิบได้ยาวนานขึ้น 9-18 เดือน และสถานการณ์ค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2564 รวมถึงค่าเงินหยวนยังอยู่ในโซนแข็งค่าต่อเนื่อง (เป็นลบต่อรายได้ในจีนที่มีสัดส่วนราว 19% ของรายได้รวม) อาจกระทบมาร์จิ้นในไตรมาส 4/2564 เล็กน้อย

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่าปัญหา Chip Shortage น่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ภายหลัง Supply-Demand ของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง นั่นหมายถึง ใกล้เข้าสู่ช่วงจบรอบวัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงกลางปี 2565 (แต่ละรอบวัฏจักรใช้เวลาราว 2 ปี) โดยผู้บริหารได้ระบุว่าสถานการณ์โดยรวมหลังจากครึ่งหลังของปี 2565 เป็นต้นไป น่าจะไม่ปรับเปลี่ยนจากปัจจุบันมากนัก แม้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเร่งขยายกำลังการผลิตกันมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่สูงขึ้นตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง โดยฝ่ายวิจัยมองว่ากลุ่มที่ยังเติบโตได้ต่อคือ EV Car, Smart Phone และ Cloud Computing

โดยล่าสุดบริษัทได้ทำการเซ็นสัญญาระยะยาวกับลูกค้า 3 รายเพื่อล็อกคำสั่งซื้อล่วงหน้าไปในปี 2565-2566 และเพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการฝั่งวัตถุดิบล่วงหน้าเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยมองว่ายังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะมีโอกาสที่ Demand แข็งแกร่งในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งอาจมีการ Double Booking (สั่งซื้อสูงกว่าความเป็นจริง) และเมื่อ Supply เริ่มทยอยออกมามากขึ้น อาจนำไปสู่ปัญหา Oversupply ได้ในระยะถัดไป

รวมทั้ง ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตอีก 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากบริษัทกำลังเข้าสู่สินค้าใหม่อย่าง SiC ซึ่งมีความต้องการมากขึ้นจาก EV Car และถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ตลาดยังเล็ก แต่มีศักยภาพในการเติบโต และยังมีคู่แข่งน้อย ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูงอยู่ที่ 25%-40% สูงกว่าอัตรากำไรปัจจุบันของบริษัท โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ SiC ปี 2565-2566 ราว 19 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ และจะโตต่อเนื่องเป็น 132 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2568 ซึ่งมีโอกาสที่ SiC จะกลายเป็น New S Curve ของบริษัทได้ ดังนั้น ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2564-2564 ไว้ที่ 2,633 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 44.7% เมื่อเทียบจากปีก่อน) และ 2,963 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเทียบจากปีก่อน) ตามลำดับ และคงราคาเป้าหมายที่ 92 บาท (อิงค่า PE เดิม 25 เท่า)

Back to top button