ย้อนรอย GULF ปิดเกมเทนเดอร์ฯ “อินทัช” 42% ผงาดธุรกิจสื่อสาร เชื่อมดิจิทัลต่อยอดไฟฟ้า

ย้อนรอยประเด็นใหญ่แห่งปี 64  “GULF” ประกาศทำเทนเดอร์ฯ ซื้อหุ้น INTUCH ก้าวขึ้นสู่หัวตารางของทำเนียบผู้ถือหุ้นด้วยสัดส่วนทั้งหมด 42.25% หวังการนำดิจิทัลแพลตฟอร์มมาต่อยอดการเติบโตในธุรกิจไฟฟ้าของกัลฟ์เพื่อเชื่อมสู่กลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจ และคัดเลือกประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา เพื่อนำเสนอให้นักลงทุนได้กลับมาอ่านอีกครั้ง โดยหนึ่งในประเด็นร้อนที่มีการกล่าวถึงกันเป็นวงกว้างคงหนีไม่พ้นดีลสำคัญของการรุกคืบวงการสื่อสารโทรคมนาคมของยักษ์ใหญ่วงการพลังงานอย่าง บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เข้าถือหุ้นใหญ่ในบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH

โดยหากย้อนกลับไปนับตั้งแต่ช่วงปี 2563 เริ่มปรากฏชื่อบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 4 ของหุ้น INTUCH เข้าถือหุ้นสัดส่วน 4.59% ของหุ้นทั้งหมดที่ชำระแล้วของ INTUCH ก่อนจะมีการทยอยเข้าซื้อหุ้น INTUCH เป็นระยะถัดไป

กระทั่งวันที่ 19 เม.ย. 2564 ทาง GULF ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2564 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติลงทุนในหุ้นสามัญของ INTUCH ทั้งหมด หรือไม่เกิน 81.07% ของหุ้นทั้งหมด ซึ่งมีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขก่อนทำคำเสนอซื้อ (Conditional Voluntary Tender Offer) ในราคาหุ้นละ 65 บาท และ/หรือซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในราคาที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือวิธีอื่นใด

นอกจากนี้ผลของการทำข้อเสนอซื้อหลักทรัพย์ INTUCH โดยหาทำให้ GULF ได้หุ้น INTUCH มาตั้งแต่ 50% ขึ้นไป บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องทำข้อเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ตามหลักเกณฑ์ของ Chain Principle ด้วย ซึ่งจะเริ่มทำเสนอซื้อภายหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ INTUCH เสร็จสิ้นลำดับถัดไป

ขณะที่ GULF ระบุว่าไม่มีความประสงค์จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดใน บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM และอยู่ระหว่างเตรียมการหารือกับ สำนักงาน ก.ล.ต. ขอผ่อนผันการทำหน้าที่ในการทำข้อเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ ADVANC ตามหลักเกณฑ์ของ Chain Principle

ทั้งนี้ราคาหุ้นบนกระดานของ INTUCH ปรับตัวขึ้นทันทีหลัง GULF ประกาศทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ โดยในวันที่ 19 เม.ย.2564 ราคาหุ้น INTUCH ปิดตลาดที่ระดับ 63 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.69% จากราคาปิดตลาดในวันที่ 16 เม.ย.2564 ที่ระดับ 58.50 บาท ส่วนราคาหุ้น ADVANC ปิดตลาดที่ระดับ 169.50 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.89% จากราคาปิดตลาดในวันที่ 16 เม.ย.2564 ที่ระดับ 168 บาท สู่ระดับ 169.50 บาท ขณะที่ราคาหุ้น GULF ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 32.25 บาท ปรับตัวลดลง 1.53% จากราคาปิดตลาดในวันที่ 16 เม.ย.2564 ที่ระดับ 32.75 บาท

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2564 ทาง GULF ได้ยื่นคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ INTUCH ที่ราคาหุ้นละไม่เกิน 65 บาท โดยไม่รวมหุ้นที่บริษัทฯ ถืออยู่เดิม 18.93% ของหุ้นทั้งหมด กำหนดระยะเวลารับซื้อตามคำเสนอซื้อ 25 วันทำการ หรือตั้งแต่ 29 มิ.ย.-4 ส.ค.2564 พร้อมทั้งยื่นคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ ADVANC ที่ราคาหุ้นละไม่เกิน 120.93 บาท คิดเป็นสัดส่วน 100% ของหุ้นทั้งหมด กำหนดระยะเวลารับซื้อตามคำเสนอซื้อ 31 วันทำการ หรือตั้งแต่ 29 มิ.ย.-13 ส.ค.2564 ส่วนกรณี THCOM นั้น GULF ได้รับการผ่อนผันไม่ต้องทำข้อเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ THCOM ตามหลักเกณฑ์ Chain Principle

โดยเมื่อวันที่ 25 ก.ค.2564 GULF ได้แจ้งมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น อนุมัติการลงทุนในหุ้นสามัญทั้งหมดของ INTUCH รวมถึงการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ ADVANC ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ (3/4) ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นและผู้รับมอบฉันทะซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย

อย่างไรก็ตาม SINGTEL GLOBAL INVESTMENT บริษัทด้านโทรคมนาคมของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของสิงเทล และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 1 ของ INTUCH ในขณะนั้น ได้ปฏิเสธการขายหุ้น INTUCH และ ADVANC ที่ถืออยู่ให้กับ GULF

ทั้งนี้ในวันที่ 29 ก.ค.2564 ทาง GULF รายงานผลการเสนอซื้อหลักทรัพย์ INTUCH และ ADVANC พบว่า ตั้งแต่ 29 มิ.ย.-27 ก.ค.2564 ในกรณีหุ้น NTUCH มีผู้แสดงเจตนาขายคิดเป็นสัดส่วน 9.92% เมื่อรวมกับหุ้นเดิมที่บริษัทฯ ถืออยู่ จะทำให้บริษัทฯ มีหุ้น NTUCH คิดเป็นสัดส่วน 28.85% ของหุ้นทั้งหมด ส่วนกรณีหุ้น ADVANC ยังไม่มีผู้แสดงเจตนาขาย

โดยภายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาในการทำ Tender Offer ในวันที่ 5 ส.ค.2564 ทาง GULF ได้แจ้งผลการซื้อหลักทรัพย์ของ INTUCH ว่ามีผู้แสดงเจตนาขายหุ้นสามัญ INTUCH จำนวน 747,874,638 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 23.32% คิดเป็นมูลค่ารวม 4.86 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้เมื่อรวมกับจำนวนหุ้นที่บริษัทถืออยู่ 606,878,314 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 18.93% ทำให้บริษัทมีจำนวนหุ้น INTUCH รวม 1,354,752,952 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 42.25% ขึ้นมาอยู่หัวตารางของทำเนียบผู้ถือหุ้น INTUCH

ขณะที่ INTUCH ประกาศจ่ายปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2564 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2564 เป็นเงินสดในอัตรา 1.23 บาท/หุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 17 ส.ค.2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 2 ก.ย.2564

ดังนั้นในเบื้องต้นเท่ากับว่า GULF จะได้รับเงินปันผลในครั้งนี้จาก INTUCH ประมาณ 1,666 ล้านบาท โดยคิดตามสัดส่วนถือหุ้นภายหลังการทำเทนเดอร์แล้วเสร็จที่จำนวน 1,354,752,952 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 42.25% และจะสามารถบันทึกเงินปันผลได้ในไตรมาส 3/2564 ทันที

อีกทั้งส่งผลให้ GULF กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ INTUCH อันดับ 1 แทน SINGTEL GLOBAL INVESTMENT PTE. LTD. ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 21% (ข้อมูลภาพรวมผู้ถือหุ้นใหญ่ก.พ.2564) และเท่ากับว่า INTUCH ได้กลับมาเข้ามาอยู่ในมือกลุ่มทุนสัญชาติไทยอีกครั้ง หลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชื่อเดิมคือ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ให้กับกลุ่มเทมาเส็กโฮลดิงส์ ไปเมื่อ 15 ปีก่อน

นอกจากนั้น GULF ยังส่งผู้บริหารระดับสูง เข้าไปดำรงตำแหน่ง กรรมการบริษัท ใน INTUCH ประกอบด้วย นายสารัชถ์ รัตนาวะดี, นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์, นางสาวบังอร สุทธิพัฒนกิจ และ นายสมิทธ์ พนมยงค์ เข้าไปบริหารจัดการธุรกิจหลังจากกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่

ทั้งนี้จากการลงทุน INTUCH ช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2564 ของ GULF มีกำไรสุทธิ 1,588.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีกำไร 970.36 ล้านบาท ซึ่ง GULF มีรายได้รวมจากการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 3/2564 อยู่ที่ 13,780 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.6% เมื่อเทียบจากปีก่อน ซึ่งในไตรมาสนี้ GULF สามารถบันทึกรายได้เงินปันผลจาก INTUCH จำนวน 1,666 ล้านบาท

ด้านนางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF ได้เปิดเผยถึงการนำดิจิทัลแพลตฟอร์มของ INTUCH มาต่อยอดการเติบโตในธุรกิจไฟฟ้าของ GULF เพื่อเชื่อมสู่กลุ่มธุรกิจ Digital Infrastructure

ดังนั้นจึงเป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งว่าในปี 2565 GULF จะเข้าไปมีบทบาทใน INTUCH และสร้าง Synergy ระหว่างกันอย่างไรต่อไปเพื่อเสริมสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงในระยะยาว

X
Back to top button