จัดทัพ 15 หุ้น การันตีงบปี 64 โตเด่น

"ฟินันเซีย" คัด 15 หุ้นเด่น ลุ้นโชว์ผลงานงวดปี 64 โตแจ่ม SYNEX นำทีมโกยกำไร Q4 ออลไทม์ไฮ ฟาก TACC-NRF ควงคู่โชว์กำไรนิวไฮ


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ถูกประเมินว่าจะมีผลประกอบการในงวดไตรมาส 4 และงวดปี 2564 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

โดยทีมข่าวได้คัดเลือก 15 บริษัทจดทะเบียนที่ทางบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด ได้เผยแพร่ออกมาในระหว่างเดือนมกราคม 2565 ประกอบด้วย

1.บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23 บาท

โดยมองแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/64 ยังอยู่ในระดับสูงแข็งแกร่งต่อเนื่องจากธุรกิจ Logistic ที่ยังแข็งแกร่ง หนุนกำไรปกติทั้งปี 2564 +25% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนทั้งที่มี Lockdown (กำไรสุทธิ +80% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน)

ส่วนกำไรปี 2565 ที่คาด +29% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอาจมี upside จาก Synergy เต็มปีที่ได้จากการลงทุน 6 ดีลในปีก่อน ไม่ว่าจะเป็น ESCO, Fuze Post (Cold chain express), MyCloudFulfillment, Alpha (จับมือกับ ORI) และมีแผนสร้างห้องเย็นเพิ่ม ขยายบริการสู่ธุรกิจ Health connect (Health care Logistic solution) รวมถึงธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชาที่จะฟื้นเร็วหลังโควิด และมีแผน IPO บ.ย่อย (JWD Transport) ราวไตรมาส 4/65

 

2.บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23 บาท

โดยแนวโน้มไตรมาส 4/64 จะตัวฟื้นแรง +83% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า, +10% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนตามการ Reopen และ โดยเฉพาะปัญหา Supply Chain ที่หมดไป ส่งผลให้ทั้งรายได้และ Margin คาดฟื้นตัวอย่างมีนัยยะ

ทั้งนี้ คาดกำไรปี 2564 โต +25% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเร่งตัวปีหน้า +44% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ล่าสุดมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต หักล้างผลกระทบต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นได้ ขณะที่ผลกระทบโอมิครอนเดือนม.ค.จำกัดมาก กอปรกับระยะถัดไปคาดจะเติบโตในกัมพูชาตาม 7-11 เช่นกัน

 

3.บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC แนะนำ “ซื้อลงทุน” ราคาเป้าหมาย 8.70 บาท

คาดการณ์กำไรไตรมาส 4/64 ทำ New High ใกล้เคียง ไตรมาส 3/64 Flat เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า, +9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนทั้งปี 2564 โต +13% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป้าหมายรายได้ปี 2565 ของบริษัทอยู่ที่โต 10-15% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งการฟื้นตัวจาก COVID-19 การออกสินค้าใหม่ และเพิ่มสัดส่วนรายได้ Non 7-11 แต่มีมุมมองระมัดระวังมากขึ้นจากราคาวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้น จึงปรับประมาณการกำไรปี 2565 ลงเหลือ 9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยปรับสมมติฐาน Gross Margin ลงส่งผลให้ราคาเป้าหมายขยับลงเป็น 8.70 บาท แต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อลงทุน”

4.บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 34 บาท

โดยผู้บริหารมั่นใจถึงแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 4/64 ที่คาดทำ All Time High หนุนโดยยอดขายกลุ่มสินค้า Apple ที่เปิดตัวต้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา สินค้า WFH รวมถึง Gaming และ IOT ให้ขายดีต่อเนื่อง ส่งผลให้ Margin คาดยังอยู่ในระดับสูง คาดกำไรปกติปี 2564 โต +35% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและโดดเด่นต่อเนื่องในปี 2565 อีก +27% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยังคงราคาเป้าหมายที่ 34 บาท ราคาหุ้นพักตัวทำให้ Upside กว้างขึ้น จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อเก็งกำไร”

 

5.บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16.60 บาท

คาดกำไรไตรมาส 4/64 แข็งแกร่ง -14% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า, แต่ +69% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการเก็บหนี้ที่เร่งตัวขึ้น หนุนทั้งปี 2564 โต +12% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนแนวโน้มปี 2565 คาดเร่งตัวขึ้นตามภาพเศรษฐกิจและการเก็บหนี้ที่ดีขึ้น ธุรกิจสินเชื่อที่เติบโต รวมถึง Upside จากการ JV กับธนาคาร 2 แห่งในการร่วมกันบริหาร NPL อย่างไรก็ตามปรับลดกำไรปี 2565 ลงเป็น +17% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนการซื้อ NPL ที่ลดลง และปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 16.60 บาท อย่างไรก็ตามยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

6.บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 9 บาท

คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/64 จะโตแรงเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อาจทำจุดสูงสุดใหม่ราว 120-130 ล้านบาท จากกำไรขายเงินลงทุน 25% ในธุรกิจกัญชง (GTH) และ Operation หลักเริ่ม ฟื้น และคาดครึ่งแรกของปี 2565 อาจรับรู้กำไรขายเงินลงทุนก้อนใหญ่ได้ต่อ เพราะมีแผนขายเงินลงทุนใน Boosted, US ล่าสุดมีข่าวสนใจเข้าสู่ธุรกิจ Cryptocurrency กำไรจาก Operation ปี 2565 ที่คาดฟื้น +291% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานต่ำมีโอกาสดีกว่าคาดและนำไปสู่การปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจากปัจจุบันที่ 9 บาท ยังแนะนำ “เก็งกำไร”

 

7.บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG แนะนำ “ซื้อ ” ราคาเป้าหมาย 6 บาท

คาดผลการดำเนินงานเริ่มฟื้นตัวโดยคาดไตรมาส 4/64 เริ่มพลิกมีกำไรได้อีกครั้ง หลังขาดทุนในไตรมาส 3/64 และจะได้ผลบวกเต็มที่ใน ไตรมาส 1/65 ที่ราคาหมูปรับตัวขึ้นแรง

ทั้งนี้ แม้กระทรวงพาณิชย์จะยังขอให้ตรึงราคาชิ้นส่วนไก่สด แต่ไม่พูดถึงราคาขายหน้าฟาร์มที่ 33.50 บาท/กิโล แล้วผ่อนคลายต่อผู้เลี้ยงไก่มากขึ้น รวมถึงหากภาครัฐช่วยเหลือด้านต้นทุนการเลี้ยงจะเป็นบวกต่อผลการดำเนินงานมากขึ้น ระยะถัดไปคาดกำไรปี 2565 +300% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

8.บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) EA แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 122 บาท

โดยยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของธุรกิจ EV และได้แรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ ด้านยอดขาย E-Bus ที่จะเร่งตัวใน ไตรมาส 2/65 และธุรกิจ Battery ที่คาดมี Demand เร่งตัวในระยะยาว ระยะสั้นคาดกำไรไตรมาส 4/64 โต +9% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า, +19% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนทั้งปี 2564 โต +26% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ปี 2565 คาดเติบโตเร่งขึ้นเป็น +69% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังคงราคาเป้าหมาย 122 บาท แนะนำ “ซื้อ ” และเป็น Top Pick ใน Theme EV ของไทย

9.บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13 บาท

คาดกำไรไตรมาส 4/64 ฟื้นตัวทั้งเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหลังคลาย Lockdown และปัญหา Logistic ที่คลี่คลาย รวมถึงกำลังเข้า High Season ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ซึ่งเป็นหน้าร้อน และอยู่ระหว่างเตรียมออกสินค้าใหม่ทั้งเครื่องดื่ม Carbonate และ CBD Drink

โดยบริษัทมีแผนขยายการลงทุนสู่ธุรกิจใหม่ Non Drink เพื่อสร้างโอกาสและต่อยอดการเติบโต คาดกำไรปี 2564 โต +5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเร่งตัว +20% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 2565 ปัจจุบันเทรด PER ที่ 19 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 25 เท่า

 

10.บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.20 บาท

โดยระยะสั้นคาดกำไรไตรมาส 4/64 เร่งขึ้นทั้ง +30% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า, +50% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปีจาก Backlog จำนวน 5.2 พันล้านบาท และคาดทั้งปีรายได้ทะลุเป้าที่ 1.9 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ คาดกำไรปี 2564 โต +9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนปี 2565 จะเป็นปีที่ดีจากการเริ่มรับรู้คอนโดใหม่ 3 แห่ง และแผนเปิดโครงการเชิงรุกรวม 2 หมื่นล้านบาท พร้อมคาดกำไรปี 2565 +10% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจุดเด่นคือ Valuation ถูกโดยเทรด PER และ PBV ต่ำเพียง 6 เท่าและ 0.7 เท่า และจ่ายปันผลปีละครั้ง Yield สูง 6%

 

11.บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 520 บาท

คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วโดยไตรมาส 4/64 คาดฟื้นตัวขึ้นเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนตามการ Reopening โดยเฉพาะปิโตรเคมีที่แข็งแรงทั้ง Demand และ Spread ที่สูงขึ้น ธุรกิจ Packaging ฟื้นตัวตาม SCGP รวมถึงธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ Demand ดีขึ้นตามฤดูกาล

ขณะที่ต้นทุนพลังงานจากถ่านหินแม้จะสูงขึ้นแต่มีการปรับกระบวนการผลิตและปรับขึ้นราคาขายเพื่อชดเชย FSSIA ให้ราคาเป้าหมาย 520 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ ”

12.บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16 บาท

โดยยอด Presales ไตรมาส 4/64 แข็งแกร่ง 7.3 พันล้านบาท +1% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า, +6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนทั้งปี 2564 จบที่ 3 หมื่นล้านบาท +17% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำ New High และสูงกว่าเป้า สำหรับปี 2565 มีแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 2.6 หมื่นล้านบาท +20% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของกำไรในปี 2565 โต +16% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

13.บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.20 บาท

โดยคาดกำไรไตรมาส 4/64 จะเป็นจุดสูงสุดของปี +53% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า, -20% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนตามการ Reopening หนุน Demand บรรจุภัณฑ์พลาสติกฟื้นตัว หนุนกำไรทั้งปี 2564 คาด +45% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนธุรกิจ Medical Plastic จะเริ่มสร้างรายได้ในปี 2565 เริ่มจากการจำหน่ายไซริงค์ล็อตแรกต้นปี โดยมี IP เป็นผู้ทำตลาดโรงพยาบาลให้ และจะเห็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เข้ามาขายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจหลักคาดฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง คาดกำไรปี 2565 โต +26% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

14.บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 23 บาท

คาดกำไรไตรมาส 4/64 ลดลง -10% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าจาก Low season แต่ +145% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามค่าระวางเรือที่ New High ส่วนกำไรปี 2564 คาด +149% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ การเติบโตหลักมาจากการขนส่งทางทะเลซึ่งทำให้สัดส่วนรายได้เพิ่มจาก 16% ปี 2563 เป็น 46% และการขนส่งทางบกข้ามพรมแดน หลังถือหุ้นใน ETL เพิ่มจาก 40% เป็น 51% ตั้งแต่ ก.ย. 2564

สำหรับปี 2565-26 คาดกำไรโตเฉลี่ย +10% CAGR จากบริการใหม่ Road-Rail service โดยอาศัยเครือข่ายขนส่งที่มีเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว ขณะที่ค่าระวางเรือน่าจะสูงในช่วงครึ่งแรกของปี 2565

 

15.บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15 บาท

คาดกำไรไตรมาส 4/64 โต +18% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า, +21% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากผู้ป่วยที่ไม่ใช่ COVID-19 ที่ฟื้นตัวดีจากการ Reopening หนุนกำไรปี 2564 คาด +15% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโมเมนตัมกำไรไตรมาส 1/65 คาดดีต่อเนื่องจากโอมิครอน ซึ่งทำให้จำนวนผู้ป่วยในเพิ่มขึ้น และต้องมีการเปิดอาคารสำนักงานชั่วคราวเพื่อรองรับ ส่วนระยะยาวคาดเริ่มเก็บเกี่ยวผลบวกจากอาคารใหม่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดกำไรปี 2565 โต +60% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

Back to top button