6 โบรกเชียร์ “ซื้อ” BEC เป้า 16.50 ลุ้นผลงานปี 64 พลิกกำไร รับรายได้โฆษณาฟื้นต่อเนื่อง

6 โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" หุ้น BEC คาดผลงานไตรมาส 4/64 ฟื้น หนุนปี 64 พลิกมีกำไร ส่วนปี 65 โตต่อรุกธุรกิจใหม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักวิเคราะห์หลายสำนักกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC คาดผลงานไตรมาส 4/64 มีแนวโน้มฟื้นตัวโดดเด่นจากรายได้โฆษณาที่ดีขึ้นต่อเนื่อง หลังโควิด-19 คลี่คลาย ขณะที่รายได้ Digital Platform และการขายลิขสิทธิ์ขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศมากขึ้น รวมไปถึงแผนการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพหนุนกำไรทั้งปี 64 พลิกฟื้นโดดเด่นจากปีก่อนที่ขาดทุน

โดย นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นของ BEC โดยคาดการณ์กำไรไตรมาส 4/64 ฟื้นตัวค่อนข้างเด่น อยู่ที่ 261 ล้านบาท +82% จากไตรมาสก่อน จากปัจจัยหนุนของรายได้โฆษณาที่ยังคงดีขึ้นต่อเนื่อง จากรายการข่าวที่ได้รับความนิยมสูงอย่าง เรื่องเล่าเช้านี้ และโหนกระแส

ส่วนละครแม้จะเป็นละครรีรันแต่ก็ทำเรตติ้งได้ดี ขณะที่รายได้ลิขสิทธิ์และอื่น ๆ ก็มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน รวมไปถึงการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็เป็นแรงสนับสนุนให้หุ้น BEC น่าจะมีผลประกอบการช่วงไตรมาส 4/64 ที่เติบโตโดดเด่น

สำหรับผลประกอบการช่วงไตรมาส1/65 แม้จะมีแนวโน้มอ่อนตัวตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังคงคาดรายได้ทั้งปีเติบโต หนุนกำไรสุทธิในปี 65 ขยับขึ้นไปที่ 994 ล้านบาท เติบโต +37% จากปีก่อน จากการฟื้นตัวของรายได้โฆษณา หลังสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย

ประกอบกับรายได้ลิขสิทธิ์และอื่น ๆ คาดเติบโต +33% จากไตรมาสก่อน จากการรุกตลาดขายลิขสิทธิ์ละครในประเทศใหม่ ๆ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น เป็นต้น นอกจากนี้ยังรุกธุรกิจใหม่ เช่น เพลง ภาพยนตร์ และ บริหารศิลปิน ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นจาก 12.80 บาท/หุ้น เป็น 16.40 บาท/หุ้น

ด้าน บล.เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลประกอบการปี 65 สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจหลัก หลังการขายโฆษณาคาดจะเติบโตจากเม็ดเงินโฆษณาที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป และอัตราการใช้สื่อที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงจากเรทติ้งข่าวและละครที่ได้รับการตอบรับที่ดี รวมไปถึงการปรับราคาขายโฆษณาจากรายการข่าว 6-7 รายการ

รวมไปถึงธุรกิจ Global Content Licensing ที่มีแผนจะ Simulcast ละครเรื่อง พิศวาสฆาตเกมส์ และ คุณหมีปาฎิหารย์ผ่าน Netflix พร้อมฉายใน 25 ประเทศทั่วเอเชีย ละครเรื่อง ยมฑูตกับภูติสาว ที่จะ Simulcast ผ่าน Viu ฉายในประเทศอินโดนิเซีย รวมถึงธุรกิจ Digital Revenue ที่จะเติบโตจากจำนวน Subscriber จากทั้งช่องทางแอพพลิเคชั่น 3+ และ 3+Premium รวมถึงช่องทางออนไลน์ทั้ง Facebook และ Youtube

ส่วนธุรกิจเพลง ได้เปิดตัวศิลปินรายแรกคือ “แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์” ช่วงกลางเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ภายใต้เพลง “BABYBOO” ได้รับผลตอบรับที่ค่อนข้างดี โดยมียอด View ใน Youtube กว่า 3 ล้านวิว และคาดจะเปิดตัวศิลปินเพิ่มอีก 2-3 ราย ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งธุรกิจเพลงสามารถเติมเต็ม Ecosystem ได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น อาทิ ศิลปินที่ได้รับความนิยมจากเพลงที่ปล่อยออกมา สามารถนำไปหารายได้ส่วนเพิ่มจากช่องทางอื่น ๆ จากการโปรโมทสินค้า การขายสินค้าที่มีศิลปินมีส่วมร่วม การจัดกิจกรรมในรูปแบบ Fan Meeting เป็นต้น

นอกจากนี้ธุรกิจภาพยนตร์ คาดจะทำในลักษณะร่วมทุน (Joint Venture) ในปี 65 คาดจะเปิดตัว 2-3 เรื่อง ฝ่ายวิจัยประเมินธุรกิจภาพยนตร์จะเป็นอีกปัจจัยขับเคลื่อนหลักให้ผลประกอบการสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตั้งเป้ารายได้ปีละ 100 ล้านบาท โดยจะประกาศอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้

อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยมองว่าถึงแม้ธุรกิจเพลงและธุรกิจภาพยนตร์จะอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะเห็นการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จากฐานรายได้ที่ต่ำในช่วงแรก โดยประเมินรายได้ของทั้ง 2 ธุรกิจรวมกันจะคิดเป็นสัดส่วน 10% ของรายได้รวมของ BEC ซึ่งถือเป็นก้าวใหม่ที่สำคัญที่จะนำพาธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง

Back to top button