“ดาวโจนส์” ปิดบวกกว่า 400 จุด นลท.คลายกังวลความขัดแย้ง “รัสเซีย-ยูเครน”

“ดาวโจนส์” ปิดบวก 422.67 จุด นลท.คลายวิตกสถานการณ์ตึงเครียด “รัสเซีย-ยูเครน” หลังมีรายงานข่าวว่ารัสเซียได้ถอนทหารบางส่วนออกจากพื้นที่ชายแดนที่ติดกับยูเครน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันอังคาร (15 ก.พ.) โดยนักลงทุนได้กลับเข้าซื้อหุ้นเนื่องจากคลายความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังมีรายงานข่าวว่ารัสเซียได้ถอนทหารบางส่วนออกจากพื้นที่ชายแดนที่ติดกับยูเครน

โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,988.84 จุด เพิ่มขึ้น 422.67 จุด หรือ +1.22%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,471.07 จุด เพิ่มขึ้น 69.40 จุด หรือ +1.58% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,139.76 จุด เพิ่มขึ้น 348.84 จุด หรือ +2.53%

ด้านหุ้น 9 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นมากที่สุด 2.7% ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 1.4% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง

ขณะที่ตลาดดีดตัวขึ้นได้เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองลดลง หลังรัสเซียสั่งถอนทหารบางส่วนที่ประจำการใกล้ชายแดนยูเครนกลับไปยังฐานทัพภายในประเทศ

ด้านเดวิด คาร์เตอร์ กรรมการผู้จัดการของเวลท์สปายร์ แอดไวเซอร์ในนิวยอร์กระบุว่า “การทะยานขึ้นของตลาดในวันนี้ ต้องขอบคุณประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย และตลาดยังปรับตัวรับข้อมูลเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นด้วย”

โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันอังคารว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 9.7% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.1% หลังจากดีดตัวขึ้น 9.8% ในเดือนธ.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังปรับตัวรับการคาดการณ์ในตลาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค.

ขณะที่ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์

โดยดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ตลาดฟิลาเดลเฟียพุ่งขึ้น 5.5% ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2564 หลังบริษัทอินเทลประกาศข้อตกลงซื้อบริษัททาวเวอร์ เซมิคอนดักเตอร์ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปของอิสราเอลเป็นวงเงิน 5.4 พันล้านดอลลาร์

ด้านหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวกับการเดินทางพุ่งขึ้น โดยดัชนี S&P500 กลุ่มสายการบิน พุ่งขึ้น 5.9% และกลุ่มโรงแรม, อาหารและสันทนาการพุ่งขึ้น 2.4%

ทั้งนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นเรสเตอรอง แบรนด์ อินเตอร์เนชันแนล พุ่งขึ้น  3.6% หลังเปิดเผยผลกำไรและรายได้รายไตรมาสสูงเกินคาด, หุ้นแมริออท อินเตอร์เนชันแนล พุ่งขึ้น 5.8% หลังเปิดเผยอัตราการจองห้องพักเพิ่มขึ้นเกินคาด และหุ้นอริสตา เน็ตเวิร์ค ซึ่งทำธุรกิจโครงสร้างระบบคลาวด์ พุ่งขึ้น 5.8% หลังคาดการณ์รายได้ไตรมาสปัจจุบันดีเกินคาด

Back to top button