“ฟินันเซีย” เชียร์ซื้อ TU หลังปิดงบ “นิวไฮ” ลุ้นปีนี้โตต่อ ชูเป้า 30 บ.

“บล.ฟินันเซีย ไซรัส” เชียร์ซื้อ TU เคาะราคาเป้าหมาย 30 บ. หลังโชว์งบปี 64 ทำจุดสูงสุดใหม่ และมองปีนี้เป็นปีแห่งการจัดการ Inflation และสปินออฟหนุนผลงานโตต่อ


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุแนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU หลังกำไรไตรมาส 4/64 ทำได้ดีตามคาด กำไรสุทธิไตรมาส 4/64 เท่ากับ 1,930 ล้านบาท (ทรงตัว จากไตรมาสก่อน, +32.4% จากปีก่อน) หากไม่รวม FX Gain 136 ล้านบาท, ต้นทุนปรับโครงสร้างธุรกิจ MerAlliance โปแลนด์ -154 ล้านบาท และรายรับสินเชื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการของ Red Lobster 83 ล้านบาท จะมีกำไรปกติที่ 1,865 ล้านบาท ดีกว่าคาด 6% (เราคาดไว้ 1,754 ล้านบาท) ถือเป็นกำไรที่ดี +20.8% จากไตรมาสก่อน, +18.1% จากปีก่อน

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ดีคือรายได้เติบโตทำจุดสูงสุดใหม่ทั้ง USD และสกุลบาทที่แตะระดับ 3.85 หมื่นล้านบาท (+8.3% จากไตรมาสก่อน, +15.1% จากปีก่อน) โดยโตทุกกลุ่มสินค้า Ambient, Frozen และ Pet Care จาก Demand ที่ยังดีและเริ่มปรับราคาขายขึ้นเพื่อสะท้อน ต้นทุนที่ปรับขึ้น กอปรกับได้อานิสงส์จากบาทอ่อนค่า ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้น 20 bps จาก ไตรมาส 3/64 และ ไตรมาส 4/63 มาอยู่ที่ 18.2% ใน ไตรมาส 4/64 จากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี สามารถหักล้างค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นได้ทั้งหมด

โดยเฉพาะค่าขนส่งที่ปรับขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 2 / ไตรมาส 3 และไตรมาส 4/64 อยู่ที่ 200/480/680 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นสัดส่วนราว 13.5% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากต้นปีที่ 5% จบปี 2564 มีกำไรสุทธทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 8 พันล้านบาท (+28.3% จากปีก่อน) ส่วนกำไรปกติเท่ากับ 7.4 พันล้านบาท (+13.4% จากปีก่อน) ถือเป็นผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจ ทำจุดสูงสุดใหม่ทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น หักล้างค่าขนส่งที่สูงถึง 1.6 พันล้านบาท (9% ของค่าใช้จ่ายรวม) ได้ทั้งหมด

ขณะที่ Red Lobster มีส่วนแบ่งขาดทุน (ไม่รวมรายการทางบัญชี) -178 ล้านบาท ทำได้ตามเป้าหมายที่ต้องการลดผลขาดทุนไม่ให้เกิน – 200 ล้านบาท ลดลงจาก -1.18 พันล้านบาท ในปี 2563

พร้อมกันนี้ บริษัทปรับเพิ่มเป้าการเติบโตในปี 2565 โดยตั้งเป้ารายได้ +4%-5% จากปีก่อน และตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัวสูง 18%-18.5% (จาก 17%-18%) แม้จะเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งในส่วนของวัตถุดิบน้ำมันพืช และบรรจุภัณฑ์ แต่บริษัทเริ่มทยอยปรับขึ้น ราคากับลูกค้าทั้ง Frozen และ Ambient

โดยบริษัทได้รวมผลกระทบของต้นทุนเข้าไปในเป้าหมายแล้ว ส่วนค่าขนส่งแม้ปัจจุบันยังทรงตัวสูง แต่มองว่าน่าจะใกล้ผ่านพีคแล้ว โดยคาดต้นทุนค่าขนส่งปี 2565 น่าจะทรงตัวถึงปรับลงจาก 2564 ส่วน Red Lobster อาจเผชิญความท้าทายมากขึ้นจากทั้งโอมิครอนที่ระบาดในช่วง ไตรมาส 1/65 ซึ่ง เป็น High Season ของธุรกิจ รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น และปัญหาขาดแคลน แรงงาน มีโอกาสที่ปีนี้จะกลับมาขาดทุนมากขึ้นราว -350-450 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยังคงสมมติฐาน Conservative ตามเดิม คาดรายได้ปี 2565 จะทรงตัวถึงปรับขึ้นเล็กน้อย และคาดอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 17.8% ลด 40 bps ยังคาดกำไรปกติปี 2565 ไว้ตามเดิม +2.7% จากปีก่อน และคงราคาเป้าหมาย 30 บาท (SOTP) ล่าสุดประกาศแผน Spin-Off บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC)

โดยมีแผนขาย IPO 600 ล้านหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป, ให้กับผู้บริหารและพนักงานของ ITC (โครงการ ESOP) และให้สิทธิกับผู้ถือหุ้น TU (Pre-emptive Rights) ด้วย คาดจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3/65 และหลัง IPO TU จะยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 77.64% ถือเป็นการปลด ล็อคมูลค่าของธุรกิจ Pet Care ที่แฝงอยู่ใน TU

Back to top button