MINT ส่งซิกปี 65 เทิร์นอะราวด์! วางงบ 6.4 พันลบ. ขยายสร้างโรงแรมเพิ่ม

MINT ส่งซิก 65 เทิร์นอะราวด์” รับ 3 ธุรกิจหลัก “ไมเนอร์ โฮเทลส์- ไมเนอร์ ฟู้ด-ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์” ฟื้นตัวดีขึ้น พร้อมวางงบลงทุน 6.4 พันลบ. รองรับการขยายธุรกิจขยายธุรกิจ-สร้างโรงแรมตามแผน คาดผลงานไตรมาส 1/65 โตดีกว่าปีก่อน


นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์  บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ในปี 2565 จากปีก่อนมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 9.3 พันล้านบาท หลัง 3 ธุรกิจหลักฟื้นตัวดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไมเนอร์ โฮเทลส์, ไมเนอร์ ฟู้ด และไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์

สำหรับไมเนอร์ โฮเทลส์ ในทวีปยุโรปปัจจุบันหลายประเทศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นแล้ว และเริ่มเห็นการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจากการจองห้องพัก (Booking) เข้ามามากขึ้น โดย NH Hotel Group ยังคงรักษาอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยไว้ได้ดีตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ทำให้การฟื้นตัวของผลประกอบการของบริษัทน่าจะดีขึ้น

ส่วนในประเทศไทย ได้กลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในรูปแบบ Test & Go อีกครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสจากทุกประเทศสามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 และได้ยกเลิกเงื่อนไขในการตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 รวมถึงคาดว่าจะมีการผ่อนคลายเงื่อนไขเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้ ขณะเดียวกันโรงแรมในมัลดีฟส์ ผลประกอบการค่อนข้างดีกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19

สำหรับไมเนอร์ ฟู้ด ในประเทศไทย หลังจากผ่อนคลายล็อกดาวน์ บริษัทได้พยายามเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางบริการจัดส่งอาหาร และการนั่งรับประทานอาหารในร้าน ขณะที่ในจีน เริ่มเห็นยอดขายต่อสาขาเดิม (SSS) เป็นบวกตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา แม้ว่าจะยังมีล็อกดาวน์ในบางท้องที่ โดยปีนี้ยังพึ่งพาเทคโนโลยีในจีนและการขยายสาขาเพื่อสร้างการเติบโต ส่วนในออสเตรเลียได้มีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์สาขาให้มีความทันสมัยมากขึ้น และการปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรในปีที่ผ่านมา ทำให้ปีนี้จะไม่มีการรับรู้ผลขาดทุนจากสาขาที่ไม่ทำกำไร

ขณะที่ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยแม้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังชะลอตัว โดยจะยังคงดำเนินกลยุทธ์เพื่อผลักดันรายได้ผ่านการขายในทุกช่องทาง การเลือกซื้อสินค้า การจัดการสินค้าคงเหลือ และดำเนินมาตรการการประหยัดค่าใชจ่าย เพื่อสร้างผลกำไรอย่างแข็งแกร่งต่อไป

ขณะเดียวกันบริษัทฯ วางงบลงทุนปี 2565 ไว้ประมาณ 6,400 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ รวมไปถึงการสร้างโรงแรมตามแผน โดย MINT ยังมีสถานะการเงินแข็งแกร่ง ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมีกระแสเงินสดที่ 2.5 หมื่นล้านบาท อีกทั้งยังมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่ยังสามารถเบิกจ่ายได้อีก 3.3 หมื่นล้านบาท รวมไปถึงจะมีแผนการออกหุ้นกู้จำนวน 7 พันล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดอายุในเดือนมี.ค.นี้

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2565 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะเป็นช่วงของโลซีซั่นก็ตาม โดยสถานการณ์ในรัสเซีย และยูเครน คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากบริษัทไม่มีธุรกิจโรงแรม หรือร้านอาหารใน 2 ประเทศดังกล่าว

Back to top button