7 แบงก์ Q1 เล็งกำไรแตะ 4 หมื่นลบ. ชี้ BBL โตสุด 11% “ทิสโก้” ตั้งสำรองลดฮวบ

โบรกคาด 7 แบงก์ Q1/65 กำไรแตะ 4 หมื่นลบ. ชี้ BBL โตสุด 11% สินเชื่อที่แข็งแกร่งและการเติบโตของ NII หนุน ขณะที่ TISCO ตั้งสำรองลดฮวบ


ใกล้เข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 ซึ่งกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเป็นกลุ่มแรกที่ทยอยประกาศออกมา เบื้องต้นมีบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำอย่าง บล.เมย์แบงก์ นำเสนอบทวิเคราะห์คาดการณ์ออกมาแล้ว รวมถึงประเมินตัวเลขการตั้งสำรองไว้จำนวน 7 แบงก์หลัก ได้แก่ BBL, KBANK, KKP, KTB, SCB, TISCO และ TTB

สำหรับบล.เมย์แบงก์ มีการคาดว่าธนาคาร 7 แห่งที่ได้วิเคราะห์ไว้จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2565 ออกมารวมประมาณ 40,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 39,225 ล้านบาท ถือว่าปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ NII สูงขึ้น แต่ non-NII อ่อนตัว

โดยจากการคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2565 พบว่า ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL แนวโน้มที่จะรายงานการเติบโตของ EPS ที่แข็งแกร่งที่สุดราว 11% ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2565 อยู่ที่ 7,692 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,923 ล้านบาท เชื่อว่าเกิดจากสินเชื่อที่แข็งแกร่งและการเติบโตของ NII ในไตรมาส 1 ปี 2565 สินเชื่อมีแนวโน้มเติบโต

ถัดมาคาดว่าจะเป็น ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP แนวโน้มที่จะรายงานการเติบโตของ EPS ที่แข็งแกร่งรองลงมาเพิ่มขึ้น 9% ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2565 อยู่ที่ 1,601 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,463 ล้านบาท

ขระที่ทาง ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB แนวโน้มที่จะรายงานการเติบโตของ EPS เพิ่มขึ้นราว 2% ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2565 อยู่ที่ 10,240 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10,088 ล้านบาท

ขณะที่สิ่งที่น่าจับตาคงหนีไม่พ้นประเด็นเรื่องของการตั้งสำรองเพราะถือว่าเป็นประเด็นหลักหากมีการตั้งสำรองน้อยลงก็จะทำให้กำไรสุทธิของบริษัทดีขึ้นอย่างจากช่วงปี 2564 ที่ผ่านมาเกือบทุกธนาคารผลประกอบการกลับมาเติบโตอย่างชัดเจน ทั้งนี้กลับพบว่าธนาคารคาดแนวโน้มที่มีการตั้งสำรองลดลงมาก  บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO โดยคาดแนวโน้มไตรมาส 1 ปี 2565 ตั้งสำรอง 306 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนตั้งสำรอง 833 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB  โดยคาดแนวโน้มไตรมาส 1 ปี 2565 ตั้งสำรอง 5,120 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนตั้งสำรอง 5,480 ล้านบาท

นอกเหนือจากการนำเสนอข้อมูลส่วนของกำไรสุทธิ และการตั้งสำรองในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 สามารถดูจากตารางประกอบข้างล่าง 

นอกจากนั้นนักวิเคราะห์คาดว่าอัตราส่วน NPL ของภาคธุรกิจจะเพิ่มขึ้นจาก 4.04% ในไตรมาส 4 ปี 2564 เป็น 4.10% ในไตรมาส 1 ปี 2565 เนื่องจากสินเชื่อ SME บางส่วนที่ออกจากโครงการบรรเทาหนี้จะเปลี่ยนเป็นNPLs อย่างไรก็ตาม คาดว่าต้นทุนเครดิตจะลดลง 142% ในไตรมาส 1 ปี 2565 จาก 145 % ในไตรมาส 1 ปี 2564 และ 152% ในไตรมาส 4 ปี 2564

ทั้งนี้จากผลดังกล่าวทางนักวิเคราะห์ไม่ค่อยกังวลเรื่องคุณภาพสินทรัพย์นักเนื่องจากธนาคารไทยมี NPL coverage ถึง 163% โดยเฉลี่ย ณ สิ้นปี 2564 จากนโยบายการกันสำรองล่วงหน้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้คาดว่ากำไรของภาคธนาคารในปีนี้จะเติบโต 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้บล.เมย์แบงก์ยังแนะนำซื้อหุ้น SCB ด้วยราคาเป้าหมาย 140.00 บาท ส่วน KBANK แนะนำซื้อราคาเป้ามาย 185 บาท และ KKP แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 80 บาท พร้อมด้วย BBL แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 165 บาท

Back to top button