ASW โบรกชี้กำไรปี 65 โต 22% รับยอดโอนพุ่ง-ส่วนแบ่งโครงการ JV หนุน เคาะเป้า 11 บ.

ASW โบรกชี้กำไรปี 65 โต 22% รับยอดโอนพุ่ง 21% และส่วนแบ่งรายได้โครงการ JV หนุน แนะซื้อเป้า 11 บ.


บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (25 เม.ย. 2565) โดยประเมินต่อ บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ว่า หลังจากบริษัทประกาศแผนธุรกิจปี 2565 เชิงรุกมุ่งขับเคลื่อนการเติบโตในทุกมิติ โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่า 1.24 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นคอนโด 60% และแนวราบ 40% ซึ่งเป็นส่วนหนุนการรับรู้รายได้ในปีหน้า

รวมทั้งตั้งเป้ายอด Presales อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยไตรมาส 1/2565 ทำได้แล้ว 32.5% ของทั้งปี และตั้งเป้ารายได้รวมอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการเดินหน้าเปิดรับทุกโอกาสเพื่อสร้างการเติบโตใหม่ผ่านการพัฒนาโครงการ JV, การเข้าซื้อคอนโดจากรายอื่น, ความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรทั้ง Digital Transformation และสุขภาพ รวมถึงการขยายไปธุรกิจอื่น โดยมุ่งสนใจในธุรกิจสุขภาพและความงาม ซึ่งคาดว่ามีความคืบหน้าในปีนี้

ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 อ่อนลงเป็นจุดต่ำสุดของปี และคาดว่าทำกำไรราว 213 ล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 33% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากโครงการใหม่ที่เริ่มโอนมีมูลค่าไม่สูง รวมถึงโครงการที่บริษัทเข้าซื้อที่มีระดับมาร์จิ้นต่ำกว่าที่บริษัทพัฒนาเอง อย่างไรก็ดี โมเมนตัมผลประกอบการจะไต่ระดับขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 และคาดทำจุดสูงสุดของปีในไตรมาส 4/2565 ตามโครงการสร้างเสร็จใหม่ที่เข้ามาเติมในทุกไตรมาส ซึ่งจะเป็นแรงหนุนการเร่งขึ้นของทั้งยอดโอนและอัตรากำไรขั้นต้น

นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยประเมินผลประกอบการปี 2565 เติบโตในอัตราเร่งตัวเด่น เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2566 เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ โดยจากปี 2564 เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และทำ All Time High มีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ยอดโอนคาดเพิ่มขึ้น 21% เติบโตเฉลี่ยในปี 2565-2566 บน Backlog แข็งแกร่งรองรับคาดการณ์ยอดโอนปี 2565 กว่า 77% และปี 2566 กว่า 40%

2) คาดอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) สูง 40% แม้ต้นทุนก่อสร้างสูงขึ้น เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นคอนโด Low Rise ที่ระยะเวลาก่อสร้างสั้น โดยปัจจุบันสามารถล็อกต้นทุนกับผู้รับเหมาในโครงการใหม่ได้แล้ว 60-70% 3) การพัฒนาโครงการ JV หนุนบันทึกกำไรการขายเงินลงทุน JV และรายได้ค่าบริหารโครงการ ซึ่งคาดว่าจะมีการเซ็นสัญญา JV ใหม่เพิ่มอย่างน้อย 2 โครงการต่อปี และ 4) ปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง และการผ่อนคลาย LTV ที่มีผลถึงสิ้นปีนี้ รวมถึงกำลังซื้อที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมที่ 11 บาท อิง PE ที่ 8 เท่า โดยให้ Premium จาก Forward PE ปี 2565 บริษัทที่มีพอร์ตคอนโดเป็นหลักอย่าง LPN, ORI, NOBLE ซึ่งเฉลี่ย 7.8 เท่า สะท้อนอัตราการเติบโตของผลประกอบการ และความสามารถในการกำไรที่เด่นกว่า เริ่มต้นด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” จากความน่าสนใจทั้งในฐานะ Growth Stock ที่ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ดีและจุดแข็งการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลาที่อยู่ใน DNA เป็นบวกต่อการเติบโตอย่างมั่นคงและได้เปรียบคู่แข่ง ควบคู่กับ Valuation ที่น่าสนใจ ปัจจุบันซื้อขายบน PE2565 เพียง 6.1 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ 9.3 เท่า และคาดปี 2565 ให้อัตราผลตอบแทนปันผลสูงถึง 6.6%

Back to top button