“ปธ.สอท.” แนะรัฐตรึงราคา “ดีเซล” ต่อ-เร่งกู้เงินอัดฉีด ศก.ฐานราก 1.3 ล้านล.

ประธาน ส.อ.ท. คนใหม่ ห่วงหนี้ครัวเรือนพุ่งหลังรัฐเลิกพยุงราคาน้ำมันดีเซล ทำให้ราคาขนส่งปรับเพิ่มสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อราคาสินค้า แนะรัฐบาลขยายมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลต่ออีก 3 เดือน - เร่งกู้เพิ่ม 1.3 ล้านล้านบาท อัดฉีดคนละครึ่งเฟส 5


นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.คนใหม่ ระบุ เศรษฐกิจไทยได้รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมาก ภาวะเงินเฟ้อของไทยยังคงมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวสูงขึ้น โดยสิ่งที่ ส.อ.ท.กังวล คือ หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสูงระดับ 90% ซึ่งสะท้อนว่า รายรับไม่พอรายจ่าย ส่งผลให้กดดันกำลังซื้อหดตัว ขณะที่มาตรการพักชำระหนี้ของสถาบันการเงิน 6-12 เดือนจะทยอยสิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายนนี้ รัฐบาลจึงควรหามาตรการในการดูแลระยะสั้นก่อนที่จะกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ในระบบเพิ่มขึ้น

โดยเห็นว่ามีความจำเป็นที่รัฐควรขยายมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตรต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน จากเดิมที่คณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ห็นชอบให้ลดภาษีเป็นเวลา 3 เดือน จะสิ้นสุดในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจะทำรัฐสูญเสียรายได้รวม 1.7 หมื่นล้านบาท แต่เพื่อไม่ให้ราคาดีเซลปรับตัวสูงขึ้นจนเกินไป เพราะจะเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่จะถูกส่งผ่านมาในราคาสินค้าจากค่าขนส่งที่สูงขึ้น

ทั้งนี้หากขยับราคาดีเซลขึ้น 5 บาทต่อลิตร คาดว่าจะกระทบค่าขนส่งปรับขึ้นราว 15-20% และจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าภาพรวมสูงขึ้นเฉลี่ย 3-4% ซึ่งผู้ผลิตสินค้าน่าจะทยอยปรับราคาสินค้าขึ้นตามกลไกตลาดตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป เนื่องจากหลายส่วนยังได้รับผลกระทบจากวัตถุดิบ เป็นการซ้ำเติมภาวะเงินเฟ้อ แต่การปรับขึ้นจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับแต่ละประเภทสินค้าว่าถูกควบคุมหรือไม่

นอกจากนี้ ส.อ.ท.เสนอให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่ม 1.3 ล้านล้านบาท กระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในภาวะปัจจุบันกำลังซื้อของเศรษฐกิจไทยอ่อนแอ เพื่อนำมาใช้ในมาตรการ เช่น คนละครึ่งเฟส 5 และการตรึงราคาน้ำมัน

อย่างไรก็ดีในฐานะประธาน ส.อ.ท.คนใหม่วาระปี 2565 – 2567 ได้วางวิสัยทัศน์ของ ส.อ.ท. ไว้หลักๆ ด้วยการเสริมสร้างความแข็งแกร่งใช้อุตสาหกรรมไทยเพื่อไทยที่เข้มแข็งกว่าเดิม เพราะเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่สร้างเงิน สร้างงาน ทำให้ภาคการส่งออกปี 2564 โตถึง 17% ขณะที่ GDP จากติดลบ 6.1% เพิ่มเป็น 1.6% จึงเชื่อว่าเครื่องยนต์จากภาคอุตสาหกรรมจะผลักดันให้ส่งออกโตได้ 5-10% โดยจะใช้ ONE FTI หรือการรวมกันให้เป็น 1 จากสมาชิก 1,400 บริษัท 45 กลุ่มอุตสาหกรรม 11 คลัสเตอร์ เป้าหมายในการดัน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve) ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มจากนวัตกรรม การใช้เทคโนโลยีเข้ามาพัฒนา เดินหน้าสู่การเป็น EV BCG ขณะเดียวกันต้องให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ ส.อ.ท. เตรียมตั้งสถาบันเทรดคาร์บอนขึ้น

Back to top button