“อนุทิน” เชื่อไม่มีดีลล้ม “บิ๊กตู่” – แจงมีชื่อเป็นนายกฯสำรองตาม “รธน.”

“อนุทิน ชาญวีรกุล” แจงมีชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีสำรอง เป็นเพราะผลพ่วงจากการเลือกตั้งปี 2562 ไม่เชื่อมีดีลล้ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หวังมีข่าวซื้อตัว ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลโหวตคว่ำนายกฯ พร้อมย้ำยังสนับสนุนให้ทำงานต่อไป


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ชี้แจงถึงกรณีมีชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีสำรอง หากเกิดอุบัติทางการเมือง กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า เป็นผลพวงจากการเลือกตั้งปี 2562 ที่พรรคการเมืองใส่ชื่อบุคคลที่เห็นว่าควรจะได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

สำหรับกระแสข่าวว่าจะมีการซื้อเสียงจากพรรคเล็ก 5-30 ล้านบาท เพื่อล้มพล.อ.ประยุทธ์ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายอนุทิน ระบุว่า เรื่องนี้เป็นเพียงข่าว หากฟังแล้วไม่มีเหตุผลก็ไม่ควรให้ความสำคัญ และการกระทำก็ไม่น่าเป็นไปได้ ซึ่งแต่ละพรรคต้องมีมาตรการในการบริหารจัดการ และยืนยันว่าในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีอย่างแน่นอน

ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่าในช่วงเดือนสิงหาคมสถานการณ์นายกรัฐมนตรี จะย่ำแย่ ทั้งในเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และสถานการณ์รัฐบาล พรรคภูมิใจไทยจะมีมาตราการช่วยเหลืออย่างไรหรือไม่นั้น นายอนุทิน ชี้แจงว่า พรรคภูมิใจไทยสนับสนุนรัฐบาลอยู่แล้วในการทำงานร่วมกัน นายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติ แต่เป็นผู้มอบนโยบายให้กับกระทรวงหากมีการอภิปรายทุกคนจะต้องช่วยกันชี้แจง หากไม่ใช่เรื่องที่ชี้แจงไม่ได้ หรือเป็นเรื่องทุจริตที่เห็นได้ชัด

เมื่อถามต่อว่า กระบวนการซื้อเสียงส.ส.จะเริ่มตั้งแต่การอภิปรายพิจารณารายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ซึ่งอาจจะมีการโหวตตก พ.ร.บ.ดังกล่าวนั้น นายอนุทิน ระบุว่า ก็ต้องไปถามคนที่พูด แต่ในพรรคร่วมรัฐบาลไม่มี และเสียงแต่ละพรรค หัวหน้าพรรคต่างๆ ก็ยังไม่มีการมาหารือในคณะรัฐมนตรีว่าจะทำอย่างไรดี หรือการควบคุมเสียงส.ส.ไม่ได้แล้ว

นายอนุทิน ยังย้ำว่า ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ และสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล ให้เป็นไปด้วยความราบรื่นเรียบร้อย ซึ่งตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงการผ่อนคลายมาตรการและสนับสนุนให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งเปิดเทอม เร่งฉีดวัคซีนให้กับเด็กให้ครบตามเป้าหมาย และเมื่อหากเปิดเรียนได้ไม่มีปัญหา จะเร่งคลายมาตรการต่อไปทั้งเรื่องผับบาร์คาราโอเกะ ซึ่งมีการผ่อนคลายมาครึ่งทางที่เปลี่ยนให้เป็นร้านอาหาร หากควบคุมสถานการณ์ได้ประชาชนให้ความร่วมมือ วัคซีนทำงานก็จะสามารถผ่อนคลายได้ เพื่อเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นต่อไป

Back to top button