SMT มาตามนัดไตรมาส 1 โกยกำไร 57 ลบ. เดินหน้า “เหมืองขุดบิตคอยน์” เสริมแกร่งรายได้

SMT มาตามนัด Q1 โกยกำไร 57 ลบ. โต 10% บอร์ดไฟเขียวลงทุนธุรกิจ “เหมืองขุดบิตคอยน์” มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 150 ลบ. เฟสแรก 200 เครื่อง งบ 40 ลบ. ต่อยอดธุรกิจ เสริมแกร่งรายได้


นายวิรัตน์ ผูกไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในงวดไตรมาส 1 ปี 2565 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 56.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.86% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 51.81 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 590.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.19%

ทั้งนี้บริษัทฯ สามารถมีรายได้และกำไรเติบโตขึ้นท่ามกลางการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งได้อานิสงส์มาจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของธุรกิจ PCBA ที่เติบโตถึง 128.6% และ IC โต 4.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ผลประกอบการออกมาเป็นไปตามเป้าหมาย สะท้อนแผนธุรกิจและกลยุทธ์การหาลูกค้าที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ เป็นกำไรจากการดำเนินงานล้วนๆ โดยไตรมาส 1/2565 มีกำไรขั้นต้นจำนวน 122.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเติบโตของยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง และการบริหารจัดการต้นทุนได้ดี ปัจจุบันบริษัทฯ มีออเดอร์แน่นแล้ว 75% จากลูกค้ามีความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ประเภทแผงวงจร PCBA และ Fiber Optics เติบโตต่อเนื่อง ปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนคลี่คลายดีขึ้น และลูกค้าใหม่ที่ SMT ขยายตลาดไปยังอเมริกาและยุโรปเพิ่มเติม อีกทั้งยังมีลูกค้าใหม่เสริมพอร์ตเพิ่มเติมอีก ในขณะที่สถานการณ์ขาดแคลนชิปในปัจจุบันคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ สามารถส่งมอบงานลูกค้าได้ตามแผน เชื่อว่าสนับสนุนยอดขายปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 3,300 ล้านบาท” นายวิรัตน์ กล่าว

โดยล่าสุด คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนในธุรกิจเหมืองบิตคอยน์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 150 ล้านบาท โดยจะจัดซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์ในระยะแรกจำนวน 200 เครื่อง วงเงินประมาณ 40 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดเตรียมสถานที่ ระบบไฟฟ้า ระบบอินเตอร์เน็ต และระบบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยใช้แหล่งเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทฯ  เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ใหม่ให้แก่บริษัท คาดว่าจะติดตั้งเครื่องจักรและระบบต่างๆ โดยทยอยแบ่งการลงทุนเป็นหลายระยะ

“คณะกรรมการบริษัทฯ ได้พิจารณาอย่างรอบคอบและระมัดระวัง ซึ่งพิจารณาข้อได้เปรียบของบริษัทฯ ที่เป็นผู้ผลิตและมีความสามารถในการบำรุงรักษาเครื่องขุดบิตคอยน์ได้เอง และได้พิจารณาถึงความเสี่ยงและมาตรการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวกับความผันผวนของราคา อัตราแลกเปลี่ยน และต้นทุนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบปฏิบัติการสำหรับการขุดบิตคอยน์ บริษัทฯมีความพร้อมของระบบงานและบุคลากร โดย SMT เป็นผู้ผลิตเครื่องขุดบิตคอยน์ จึงมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ทั้งนี้ บริษัทฯเล็งเห็นข้อดีของการลงทุนเพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้และเป็นการต่อยอดหน่วยธุรกิจสำหรับการขุดบิตคอยน์เพิ่มขึ้น” นายวิรัตน์ กล่าว

Back to top button