B เร่งเพิ่มรถหัวลากกว่า 100 คัน รองรับดีมานด์ขนส่งโต

B เร่งเจรจาพันธมิตรเพิ่มรถหัวลากกว่า 100 คัน รองรับดีมานด์ใช้บริการขนส่งโต เผยธุรกิจ “จำหน่ายน้ำดิบ” ขยายตัวต่อเนื่อง จ่อเซ็นสัญญาลูกค้าใหม่เพิ่มอีก 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี


ดร.ปัญญา บุญญาภิวัฒน์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ B เปิดเผยว่า ทิศทางของธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ในปีนี้ มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนได้จากผลประกอบการไตรมาส1/2565 รายได้จากการให้บริการขนส่งเติบโตเกือบ 15%  โดยปีนี้บริษัทเตรียมเพิ่มรถหัวลากในส่วนของซับคอนแทรคที่เป็นพันธมิตรกว่า 100 คัน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า หลังจากที่บริษัทได้มีการขยายการให้บริการไปในกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น   โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม ข้าวสาร และอาหารสัตว์  ที่มีปริมาณความต้องการใช้บริการสูงมาก  จากปัจจุบันที่บริษัทมีรถหัวลากจำนวน  66 คัน และซับคอนแทรคที่เป็นพันธมิตรของบริษัทอีก 100คัน

ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องนั้น ดร.ปัญญา กล่าวว่า ได้ส่งผลกระทบต่อความต้องใช้บริการขนส่งของลูกค้าเดิมที่มีปริมาณการใช้บริการลดลง  แต่บริษัทได้มีการขยายฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้ภาพรวมปริมาณการใช้บริการขนส่งยังเติบโตสูง  ส่วนต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นนั้นลูกค้าจะเป็นผู้รับภาระอยู่แล้ว

ปีนี้กลุ่มลูกค้าที่มีการขยายตัวสูงมาก แม้ราคาน้ำมันแพง แต่ B มีฐานลูกฐานค้าเติบโตสูงมาก  โดยเฉพาะลูกค้าใหม่ๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรม  ข้าวสาร อาหารสัตว์ และเครื่องดื่ม  ทำให้บริษัทต้องเร่งเจรจาพันธมิตรซับคอนแทรค เพื่อหารถหัวลากเพิ่มขึ้น”  ดร.ปัญญา กล่าว

สำหรับธุรกิจจำหน่ายน้ำดิบที่ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนคือ บริษัท เทพฤทธา จำกัด  ภายหลังจากที่ได้มีการซื้อที่ดินเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับแหล่งน้ำ บริษัทได้มีการต่อสัญญาลูกค้ารายเดิมไปอีก 5 ปี ในการจำหน่ายน้ำดิบอีก 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และล่าสุดบริษัทเตรียมเซ็นสัญญาฉบับใหม่เพื่อที่จะจำหน่ายน้ำดิบให้กับลูกค้ารายใหม่ปริมาณ 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี  และเมื่อรวมกับลูกค้ารายอื่นๆ  ปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถจำหน่ายน้ำดิบได้ประมาณ 5  ล้านลูกบาศก์เมตร  จากกำลังผลิตที่สามารถผลิตน้ำดิบได้ประมาณ 5-8 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ นอกจากนี้บริษัทดังกล่าวก็อยู่ในระหว่างศึกษาแผนที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  โดยเบื้องต้นตั้งเป้าหมายว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดได้ภายใน 2-3 ปี

อย่างไรก็ตามแผนการลงทุนของกลุ่ม B ยังเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่โฟกัสใน 2 ธุรกิจหลักคือ กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Green Logistics และธุรกิจสาธารณูปโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือ  Green Utilities  ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากบริษัทได้เล็งเห็นถึงการเติบโตของคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจและผลการดำเนินงานในอนาคต

Back to top button