โบรกเคาะ 22 หุ้นลงทุนระยะสั้น ชู AMANAH ท็อปพิค กำไร Q2 โตเด่น-อัพไซด์สูง

“บล.กสิกรไทย” ประเมินดัชนีแกว่งตัวกรอบ 1,630-1,666 จุด แนะนำลงทุน 22 หุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ชู AMANAH ท็อปพิค ลุ้นกำไรไตรมาส 2 โตเด่น ยอดสินเชื่อใหม่เกินระดับ 450 ลบ.


บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ วานนี้ (27 พฤษภาคม 2565) โดยให้กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ว่า หากหุ้นที่นักลงทุนมีกำไร แนะนำเพียงล็อกกำไรในช่วงที่ดัชนีแกว่งในกรอบ 1,630-1,666 จุด โดยยังประเมินตลาดหุ้นไทยไม่ใช่ขาขึ้นระยะยาว คาดแนวต้านจะติดบริเวณ 1,666 จุด และประเมินมีโอกาสแกว่งตัว โดยคำแนะนำลงทุนหุ้นในช่วงนี้ แนะนำ Selective เน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวก ดังนี้

1.หุ้นเปิดเมือง อาทิ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG, บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) D และ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA

2.กลุ่มปลอดภัย อาทิ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP

3.กลุ่มโรงกลั่น อาทิ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC และ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ESSO

4.กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากจีนเปิดประเทศ อาทิ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF, บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG และ บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH

5.กลุ่มที่ได้ประโยชน์หากสหรัฐยกเลิกภาษี (Tariff) อาทิ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE และ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD

6.กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มบอนด์ยีลด์ปรับลง อาทิ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL, บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) MTC, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) SAWAD, บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO และ บริษัท อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AMANAH

ส่วนกลุ่มที่ยังแนะนำชะลอการลงทุนระยะกลาง-ยาว คือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มปิโตรเคมี การกระแสความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว

สำหรับหุ้นเด่น เลือก AMANAH ราคาเป้าหมายที่ 6.40 บาท คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2565 จะเติบโต ฟากผู้บริหารคาดว่ายอดสินเชื่อใหม่ไตรมาส 2/2565 จะเกินระดับในไตรมาส 1/2565 ที่ 450 ล้านบาท เนื่องจากยอดสินเชื่อใหม่จนถึงเดือนเมษายน 2565 ดีกว่าเดือน มกราคม 2565 ถึง 126 ล้านบาท ถึงแม้ว่าจะมีวันหยุดยาว โมเมนตัมคาดยังดีต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคม 2565

อีกทั้งบริษัทจะเริ่มปล่อยสินเชื่อจำนวนทะเบียนรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2565 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากไม่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ในสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งจะทำให้ AMANAH สามารถเสนอสัญญาเงินกู้ที่น่าดึงดูดใจยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า และกระบวนการอนุมัติสินเชื่อที่เร็วขึ้น

รวมถึงราคาหุ้นที่ปรับฐานจากสูงสุดของปีราว 18% และอัพไซด์เมื่อเทียบกับราคาทางพื้นฐานเปิดกว้างราว 25%

 

Back to top button