พร้อมแล้ว! “ชัชชาติ” ชง ศบค. ขอ “ถอดแมสก์” ในที่โล่ง-เปิดผับบาร์ตี 2

“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เตรียมเสนอที่ประชุม ศบค. อนุญาตให้คน กทม.สามารถถอดหน้ากากอนามัยในที่โล่งได้ พร้อมเสนอขยายเวลาให้สถานบันเทิงถึงเวลา 2 นาฬิกา เพราะมองว่าถึงเวลาที่จะกลับไปใช้ชีวิตปกติแล้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีกระแสข่าวรายงานว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพหานคร หรือ กทม. เตรียมเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ให้คนกรุงเทพมหานครได้ผ่อนคลายมาตรการสวมหน้ากากอนามัย หรือ  “ถอดแมสก์” ในที่โล่ง ส่วนสถานบันเทิงขอขยายเวลาเปิดถึง 2 นาฬิกา เพราะเชื่อเปิดแล้วควบคุมดีกว่า ทั้งมีผลเศรษฐกิจคนกลางคืน

ล่าสุด นายชัชชาติ  ชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า อยู่ที่การพิจารณาของ ศบค.เป็นหลัก แต่ทาง กทม.จะเสนอความเห็นไปว่า สถานการณ์ใน กทม.โควิดเริ่มลดน้อยลง จึงคสรเริ่มให้ “ถอดแมสก์” ในพื้นที่เปิดโล่ง ในขณะที่เศรษฐกิจก็กำลังเริ่มกลับมา แต่ทั้งนี้ ขอให้เป็นไปตามหลักการแพทย์เพื่อให้เกิดความมั่นใจ แต่ตนเชื่อว่าสถานการณ์คลี่คลายขึ้น คนก็พร้อม ซึ่งนายชัชชาติ ระบุว่า จะนำเรื่องนี้หารือกับ ศบค.อย่างเป็นทางการต่อไป

ส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ ศบค.อนุญาตให้เปิดมาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน โดยให้เปิดถึงเที่ยงคืน นั้น นายชัชชาติ ระบุว่า ผ่านมาแล้ว 5 วันยังไม่พบปัญหา ถ้ามีมาตรการที่ชัดเจน เชื่อว่าผู้ประกอบการก็พร้อมร่วมมือ ตนเชื่อว่าการขยายเวลาไปจนถึงเวลา 02.00 น. ไม่ว่าจะผับ บาร์ สวนสาธารณะ เป็นแนวทางที่ดี ช่วยลดความหนาแน่น เพราะถ้าเรากำหนดเวลาสั้น หรือไม่ให้ทำกิจกรรม ก็จะยิ่งทำให้คนหนีไปทางอื่น คนจะหนาแน่นมากขึ้น

นายชัชชาติ ยังยกตัวอย่างว่า สมัยที่ร้านอาหารห้ามขายสุราในช่วงโควิด ปรากฏว่าเราเห็นการตั้งวงริมถนนกันเต็มไปหมด แล้วไม่มีการควบคุมดูแล ดังนั้น การเปิดแล้วควบคุม ดีกว่าปล่อยให้ทำกันเอง  จึงควรทำเรื่องนี้ให้ออกมาในที่สว่างดีกว่า

เมื่อถามว่า การเปิดสถานบันเทิงถึง 02.00 น. จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม.ฯ หรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่า ตนขอดูผลของช่วงนี้ก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่จริงๆ เรื่องของเวลา ก็เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจ ด้วยเพราะเศรษฐกิจกลางคืนเป็นเศรษฐกิจใหญ่ รวมถึงพ่อค้า-แม่ค้า รถสามล้อ แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ ตนมองว่า หากขยายเวลามากขึ้นก็ลดความแออัด นักท่องเที่ยวก็ออกมา ส่วตัวมองว่า “คนกรุงพร้อมกลับไปชีวิตปกติแล้ว”

Back to top button