JP ลุ้นคว้าไลเซนส์โรงสกัด CBD ไตรมาส 3 พร้อมออกสินค้าไตรมาส 4

 JP ลุ้นคว้าไลเซนส์โรงสกัด CBD ไตรมาส 3/65 วางแผนออกสินค้าไตรมาส 4/65 พร้อมเร่งเครื่องขยายกำลังผลิต มั่นใจหนุนผลงานโตกระฉูด


ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือโรงสกัด CBD เปิดเผยว่า จากประกาศของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา เรื่องกฎหมายปลดล็อก สมุนไพร กัญชง กัญชา ยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 ให้มีผลบังคับใช้ ทำให้ประชาชนสามารถปลูกพืชนี้ได้ในครัวเรือนและเชิงพาณิชย์ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพของตนเอง และเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเกิดการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวเนื่อง เรียกได้ว่าประโยชน์มีตั้งแต่ระดับบุคคลไปจนถึงภาคธุรกิจ

โดยปัจจุบันสำนักงาน อย. ได้อนุมัติใบอนุญาตการผลิตผลิตภัณฑ์น้ำมันจากเมล็ดกัญชง เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่โรงงานกรุงเทพฯเรียบร้อยแล้ว ด้านการขอใบอนุญาตการผลิตที่โรงงานจ.ลำพูนนั้น ปัจจุบันทางอย.ได้อนุมัติในหลักการมาแล้ว คาดว่าจะสามารถขึ้นทะเบียนยาสมุนไพรได้ในปี 2566

ส่วนการขึ้นทะเบียนโรงงานสกัดสาร CBD คาดจะได้รับการอนุมัติจาก อย. ในช่วงไตรมาส 3/2565 พร้อมเร่งสปีดเตรียมออกผลิตภัณฑ์ภายในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งพร้อมกันกับการขยายกำลังการผลิต รวมถึงการปลดล็อกในครั้งนี้ช่วยให้ JP หาวัตถุดิบได้ถูกลง ช่วยลดต้นทุนการผลิต สนับสนุนความสามารถการทำกำไร

สำหรับโรงงานที่จังหวัดลำพูน ปัจจุบันได้ติดตั้งเครื่องจักรสกัดกัญชาและกัญชง เพื่อรองรับการผลิตสารสกัด น้ำมันกัญชา, full spectrum, board spectrum, CBD isolate, water soluble CBD isolate ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิต 300 กิโลกรัม/เดือน ขณะที่สิ้นปีจะขยายกำลังการผลิตสูงสุดเป็น 30,000 กิโลกรัม/เดือน รองรับความต้องการลูกค้ากลุ่ม ที่รับจ้างผลิต (OEM) และแบรนด์ของทางบริษัทเอง  (Own Brand)

ในด้านสัดส่วนของกลุ่มลูกค้าน้ำมันเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil) ทางบริษัทฯแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ รับจ้างผลิตสินค้า OEM ให้ลูกค้ากลุ่มปัจจุบันที่ต้องการขยายสินค้าตัวใหม่ และมีช่องทางการจำหน่ายที่กว้างขวาง เช่น  ธุรกิจร้านขายยา ธุรกิจค้าปลีก (Retail) ผู้ประกอบการเจ้าของแบรนด์โดยตรง (Brand Owner)  รวมถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์ อีกช่องทางคือ การผลิต Hemp Seed Oil เพื่อทำการตลาดในส่วนของแบรนด์ของบริษัทเอง (Own Brand)  โดยแบ่งสัดส่วน 90% และ 10% ตามลำดับ

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติให้เพิ่มไลน์ผลิตยาสมุนไพรแบบ Soft Gel (แคปซูลนิ่ม) คาดได้รับใบอนุญาตให้ผลิตได้ในเดือนกรกฎาคม 2565  ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีไลน์ผลิตยาแบบ Soft Gel ทั้งหมด 2 ไลน์ผลิต แบ่งออกเป็น ไลน์อาหารเสริมและยาแผนปัจจุบัน จากโอกาสครั้งนี้เชื่อมั่นจะสามารถรับออเดอร์จากลูกค้าได้มากขึ้น

“เรามองโอกาสช่องทางของตลาด Hemp Seed Oil ว่า JP มีความพร้อมด้านโรงงานการผลิต พร้อมด้วยนวัตกรรมชั้นเลิศ ที่มาพร้อมกับการได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล  GMP PIC/S คือ มาตรฐานการผลิตยาขั้นสูง เทียบเท่ากับมาตรฐานการผลิตยาของสหภาพยุโรป (EU-GMP) และมองว่าหลังจากที่ภาครัฐเปิดประเทศหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายไปมาก ผลิตภัณฑ์ hemp seed oil จะเป็นไฮไลท์ที่น่าสนใจกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้สามารถสร้างภูมิปัญญาของคนไทยให้รู้จักได้ทั่วโลก” ดร.สิทธิชัย กล่าว

Back to top button