SA รุกธุรกิจ Cloud Kitchen ตั้งเป้า 5 ปีขยาย 494 สาขา-กวาดรายได้ 500 ลบ.

SA จับมือพันธมิตร Food & Beverage รุกธุรกิจ Cloud Kitchen ตั้งเป้าปี 65 เปิด 86 สาขา ก่อนขยายเพิ่มเป็น 494 สาขาทั่วกรุงเทพและปริมณฑลภายในปี 69 คาดสร้างรายได้ 500 ลบ.


นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA เปิดเผยว่า บริษัท ไฮบริด คิทเช่น จำกัด (Hybrid Kitchen) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในธุรกิจ Food & Beverage ของบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาบริการกับธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์ดัง ประกอบด้วย ร้านพิซซ่าภายใต้ชื่อทางการค้า DOMINO’S PIZZA ในประเทศไทย, ร้านชาบูบุฟเฟต์แบรนด์ KAGONOYA , ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเครือข่ายใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอย่าง SUBWAY และกลุ่ม Food Caravan ประกอบด้วยแบรนด์ดังมากมาย อาทิ ครัวเสิร์ฟอิ่มสุข Cloud kitchen Franchise Concept (เสาวรสผัดไทย อร่อยเด็ดไม่ต้องปรุง / กระเพราทอง / โยชิโนะ ดงบุริ / ตำ-ยำแซ่บ ยกอิสาน / ตามสั่งตามใจ) และ Hero Corndog ไส้กรอกชีสเกาหลี / สยามนิยม Thai Antique Drink เป็นต้น เพื่อให้เช่าพื้นที่ครัวพร้อมอุปกรณ์สำหรับการประกอบธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจ Cloud Kitchen) ทั้งในรูปแบบของ Shop และ Cloud Kitchen เป็นระยะเวลา 6-9 ปี

ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าแผนขยายธุรกิจ Cloud Kitchen ภายใน 5 ปี (2565-2569) เปิดสาขาทั้งหมด 494 ประกอบด้วย 1,976 ร้านค้า สาขาครอบคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเริ่มจากปี 2565 เตรียมเปิดจำนวน 86 สาขา ประกอบด้วย 344 ร้านค้า พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้ภายใน 5 ปี เติบโตอยู่ที่ประมาณ  500 ล้านบาท

บริษัทฯ ก่อตั้งธุรกิจ Cloud Kitchen โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ ลดต้นทุนในการก่อสร้าง และเพิ่มความสามารถในการขยายสาขาเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับทำให้รัศมีในการจัดส่งอาหารครอบคลุมผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น และเราเล็งเห็นว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นเมกะเทรนด์ มีความน่าสนใจและสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่มักจะใช้บริการสั่งซื้ออาหารทางออนไลน์พร้อมจัดส่ง (Food Delivery) ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งในบางสาขาใช้พื้นที่ที่มีของบริษัทให้เกิดประโยชน์เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้พื้นที่นั้นๆ และเราเชื่อมั่นว่าธุรกิจ Cloud Kitchen จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำให้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับกระจายความเสี่ยงจากการรับรู้รายได้จากภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ตามแผนงานที่วางไว้อย่างแน่นอน” นายขจรศิษฐ์ กล่าว

Back to top button