“คริปโตฯ” ขาลง ทุบ 8 หุ้น ขุดเหรียญราคาทรุด JTS ดิ่งสุด 63%

“คริปโตฯ” ขาลง ทุบ 8 หุ้น ขุดเหรียญราคาทรุด ได้แก่ ZIGA, JTS, UPA, NRF, AJA, BROOK, ECF และ SMT นำโดย JTS ราคาดิ่งสุด 63%


ปัจจุบันการลงทุนมีความหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตลาดหุ้น ทองคำ พันธบัตรรัฐบาล รวมถึงการลงทุนที่เป็นกระแสอย่างคริปโตเคอร์เรนซี หรือเรียกอีกอย่างว่า “บิตคอยน์” ซึ่งเป็นสกุลเงินในรูปแบบของดิจิทัล ถูกสร้างขึ้นมาด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่มีรูปร่างและไม่สามารถจับต้องได้เหมือนธนบัตรหรือเหรียญเงินบาท

สำหรับคนเจเนอเรชั่นใหม่ๆ สนใจที่จะลงทุนกันมากขึ้น ซึ่งบิตคอยน์ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกของการลงทุนในโลกดิจิทัล สำหรับบิตคอยน์นั้นเริ่มมีกระแสอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนมาถึงปัจจุบันได้เห็นบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีการแตกไลน์เบนเข็มมามาทำเหมืองขุดบิตคอยน์ การแลกเปลี่ยนแทนเงินใช้ภายในระบบนิเวศน์ เพื่อหวังที่จะเติบโตตามการเปลี่ยนแปลงนำไปสู่อนาคตที่เป็นสังคมไร้เงินสด และมีผลตอบแทนที่กลับคืนเข้ามาอย่างมากภายหลังการลงทุน อีกทั้งยังคำนวณถึงการเพิ่มฐานลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการโดยใช้บิตคอยน์เป็นตัวดึงดูด

แรกเริ่มตลาดคริปโตเคอร์เรนซียังไม่มีความผันผวนเหมือนในปัจจุบันมากนัก ยังสามารถสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้เป็นจำนวนมาก เพราะราคาคริปโตฯ เคยขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูง 68,000 ดอลลาร์ หรือ 2.2 ล้านบาท แต่ความผลผวนของตลาดว่าคริปโตเคอร์เรนซีก็เกิดขึ้น โดยราคากลับร่วงลงมาอยู่ที่ 19,049 ดอลลาร์ ในวันที่ (18 มิ.ย.2565) ปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 1 ปี 6 เดือน สาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ภายหลังประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ 8.6% อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี เนื่องจากถือว่าคริปโตเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ทำให้เกิดการสั่นคลอนต่อการลงทุนมายังบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่เข้าไปลงทุนเหมืองขุดบิตคอยน์ โดยสังเกตได้จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.2565 ถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลา 10 วัน ตามสถานการณ์ราคาคริปโตฯ ที่ปรับตัวลดลง

บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA โดยราคาหุ้น ณ วันที่ 10 มิ.ย. 2565 ปิดอยู่ที่ระดับ 8.05 บาท แล้วค่อยๆปรับตัวลงต่อเนื่องจนกระทั่งวันที่ 20 มิ.ย. 2565 ปิดที่ระดับ 5.35 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลง 2.70 บาท หรือลงไป 33% สำหรับบริษัทฯ ได้ลงทุนในธุรกิจขุดเหมืองบิตคอยน์ (Bitcoin Mining) ซึ่งได้มีการติดตั้งเครื่องขุดไปแล้ว 400 เครื่อง และทยอยพัฒนาโครงการเหมืองขุดบิตคอยน์ให้ได้ 10,000 เครื่อง จากวงเงินกู้ 4 พันล้านบาทตามเป้าในปีนี้

บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS โดยราคาหุ้น ณ วันที่ 10 มิ.ย. 2565 ปิดอยู่ที่ระดับ 285 บาท แล้วค่อยๆปรับตัวลงต่อเนื่องจนกระทั่งวันที่ 20 มิ.ย. 2565 ปิดที่ระดับ 104 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลง 181 บาท หรือลงไป 63% สำหรับเป้าหมายธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์วางไว้ที่ 8,100 เครื่อง โดยจะส่งมอบในไตรมาส 2/2565 จำนวน 1,200 เครื่อง ไตรมาส 3/2565 จำนวน 900 เครื่อง และไตรมาส 4/2565 จำนวน 900 เครื่อง ทำให้ปลายปีนี้ทาง JasTel จะมีเครื่องขุดบิทคอยน์ที่ส่งมอบแล้วทั้งสิ้น 3,525 เครื่อง

บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA โดยราคาหุ้น ณ วันที่ 10 มิ.ย. 2565 ปิดอยู่ที่ระดับ 0.40 บาท แล้วค่อยๆปรับตัวลงต่อเนื่องจนกระทั่งวันที่ 20 มิ.ย. 2565 ปิดที่ระดับ 0.27 บาท ราคาปรับตัวลง 0.13 บาท หรือลงไป 48% สำหรับบริษัทฯ ได้วางแผนจะทยอยติดตั้งเครื่องขุดเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีครบ 6,000 เครื่อง กำลังผลิตไฟฟ้า 20 เมะวัตต์ และการซื้อไฟฟ้า 10 เมกะวัตต์ เพื่อสำรองการขยายโครงการ ที่เหมืองที่เมืองปากเซ แขวงจำปาศักดิ์ สปป.ลาว

บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF โดยราคาหุ้น ณ วันที่ 10 มิ.ย. 2565 ปิดอยู่ที่ระดับ 6.55 บาท แล้วค่อยๆปรับตัวลงต่อเนื่องจนกระทั่งวันที่ 20 มิ.ย. 2565 ปิดที่ระดับ 6.15 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลง 0.60 บาท หรือลงไป 6% สำหรับบริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับ บริษัท บี จิสติกส์  จำกัด (มหาชน) หรือ B ตั้งบริษัท อีโคลด์ จำกัด โดยเตรียมลงทุนซื้อเครื่องขุดคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) กว่า 2,200 เครื่อง

บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA โดยราคาหุ้น ณ วันที่ 10 มิ.ย. 2565 ปิดอยู่ที่ระดับ 0.41 บาท แล้วค่อยๆปรับตัวลงต่อเนื่องจนกระทั่งวันที่ 20 มิ.ย. 2565 ปิดที่ระดับ 0.28 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลง 0.13 บาท หรือลงไป 46% สำหรับบริษัทฯ ได้ลงทุนทำธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ ซึ่งล่าสุดมีการลงทุนในเครื่องขุดบิตคอยน์แล้วจำนวน 500 เครื่อง

บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BROOK โดยราคาหุ้น ณ วันที่ 10 มิ.ย. 2565 ปิดอยู่ที่ระดับ 0.68 บาท แล้วค่อยๆปรับตัวลงต่อเนื่องจนกระทั้งวันที่ 20 มิ.ย. 2565 ปิดที่ระดับ 0.55 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลง 0.13 บาท หรือลงไป 19% สำหรับบริษัทฯ ได้ลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลกว่าพันล้าน ซึ่งได้จัดสรรพอร์ตลงทุน แบ่งสัดส่วนออกเป็น 60 : 40 โดยสัดส่วน 60% จะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Bitcoin, Ethereum, Binance และ Stable Coin ส่วนการลงทุนอีก 40% ที่เหลือจะเป็นเหรียญอื่นๆ ทั้งหมด

บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF โดยราคาหุ้น ณ วันที่ 10 มิ.ย. 2565 ปิดอยู่ที่ระดับ 1.87 บาท แล้วค่อยๆปรับตัวลงต่อเนื่องจนกระทั้งวันที่ 20 มิ.ย. 2565 ปิดที่ระดับ 1.72 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลง 0.15 บาท หรือลงไป 8% สำหรับบริษัทฯ ได้ลงทุนสร้างเหมืองขุดคริปโเคอร์เรนซี  

บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT โดยราคาหุ้น ณ วันที่ 10 มิ.ย. 2565 ปิดอยู่ที่ระดับ 4.68 บาท แล้วค่อยๆปรับตัวลงต่อเนื่องจนกระทั้งวันที่ 20 มิ.ย. 2565 ปิดที่ระดับ 4.20 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลง 0.48 บาท หรือลงไป 10.25% สำหรับบริษัทฯ ได้ลงทุนมูลค่าไม่เกิน 150 ล้านบาท โดยจะจัดซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์ในระยะแรกจำนวน 200 เครื่อง วงเงินประมาณ 40 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามราคาหุ้นข้างต้นเสี่ยงที่จะไหลลงต่อได้อีกหากราคาคริปโตฯ ปรับตัวลงต่อตามการประเมินของ นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง FIRO และกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ระบุว่า สิ่งที่นักเทรดควรจับตาคือ การประกาศนโยบายแต่ละครั้งของ FED นั้น มีแนวความคิดหรือมุมมองในการวิเคราะห์อย่างไร เพราะมุมมองเหล่านี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สามารถกำหนดทิศทางของตลาดในอนาคตได้ โดยนำมุมมองเหล่านี้มาวิเคราะห์ร่วมกับปัจจัยแวดล้อมอื่นๆก็จะทำให้เห็นภาพตลาดชัดขึ้น

ส่วนในทางเทคนิคนั้นโชว์ว่าราคา Bitcoin สามารถร่วงไปถึง 19,000 ดอลลาร์ได้ แต่ต้องยอมรับว่าอัตราเงินเฟ้อนั้นไม่ได้หายไป ไม่ว่าอย่างไรก็น่าจะอยู่ถึง 3 เดือนแน่นอน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบก็ปรับเพิ่มจาก 105 ดอลลาร์เป็น 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และคาดว่าจะกระโดดไปถึง 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ไม่ยาก

ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่าการดูแค่กราฟเทคนิคอาจจะไม่เพียงพอแล้ว เพราะหากน้ำมันขึ้นไป 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจริง จะส่งผลกระทบในฝั่งค่าเงิน การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และสุดท้ายก็ทำให้เกิดการดึงเงินกลับอยู่ดี ซึ่งตรงนี้ตลาดคริปโตฯ ก็จะได้รับผลกระทบเต็มๆอยู่แล้ว

Back to top button