บสย. เปิดตัวเลข “ยอดค้ำสินเชื่อ” ครึ่งปีแรกทะลุ 9 หมื่นลบ. ช่วยเอสเอ็มอีถึงแหล่งทุน

บสย. เปิดตัวเลข “ยอดค้ำสินเชื่อ” ครึ่งแรกปี 65 แตะ 9.28 หมื่นล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงแหล่งทุนได้ 6.87 หมื่นราย โดยยอดสูงสุดธุรกิจบริการ 28% กลุ่มเกษตรกรรม 12% และธุรกิจการผลิตสินค้าและการค้า 11%


นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยผลดำเนินงานค้ำประกันสินเชื่อ บสย. รอบ 6 เดือนแรก ระหว่าง (1 ม.ค. – 30 มิ.ย.65) อนุมัติวงเงินค้ำประกันสินเชื่อรวม 92,879 ล้านบาท โดยยอดค้ำประกันอันดับแรก คิดเป็นสัดส่วนถึง 50% มาจากโครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs สร้างชาติ (PGS 9) วงเงิน 46,314 ล้านบาท อันดับ 2 โครงการค้ำประกันสินเชื่อ พ.ร.ก.ฟื้นฟู สัดส่วน 39% วงเงิน 36,425 ล้านบาท และอันดับ 3 โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. Micro ต้องชนะ (Micro 4) สัดส่วน 5% วงเงิน 4,473 ล้านบาท และโครงการอื่นๆ สัดส่วน 6% วงเงิน 5,667 ล้านบาท

โดยกลุ่มธุรกิจที่ยอดค้ำประกันสูงสุด คือ (1) ธุรกิจบริการ 28% (2) กลุ่มเกษตรกรรม 12% และ (3) ธุรกิจการผลิตสินค้าและการค้า 11% ช่วยผู้ประกอบการ SMEs ให้เข้าถึงแหล่งทุนได้ 68,731 ราย สร้างสินเชื่อในระบบ 102,544 ล้านบาท รักษาการจ้างงานรวม 620,164 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 383,592 ล้านบาท (Economic Benefit Multiplier เท่ากับ 4.13 เท่า)

ด้านผลการให้คำปรึกษาทางการเงิน โดยศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. F.A. Center) ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถทางธุรกิจของ SMEs โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยทีมผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน นับตั้งแต่เดือนส.ค. 63 – 30 มิ.ย. 65 ให้บริการรวม 9,458 ราย มีผู้เข้ารับการอบรม 6,120 ราย มีผู้ลงทะเบียนขอรับคำปรึกษา 3,338 ราย และให้คำปรึกษาแล้ว จำนวน 1,940 ราย ขอรับคำปรึกษามากที่สุด ได้แก่ 1.สินเชื่อ 2.ปรับโครงสร้างหนี้ 3.การพัฒนาธุรกิจ โดยมีความต้องการสินเชื่อ 11,242 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้คำปรึกษาผู้ประกอบการที่มีปัญหาหนี้ ผ่านโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน ณ 30 มิถุนายน 2565 มีผู้ลงทะเบียนผ่าน ธปท. 3,748 ราย ซึ่งได้ส่งต่อให้ บสย. ให้คำปรึกษา จำนวน 645 ราย ส่วนใหญ่เป็นการปรับโครงสร้างหนี้ธุรกิจมากถึง 80%

นอกจากนี้ บสย. ยังประสบผลสำเร็จจากการดำเนินโครงการช่วยเหลือลูกหนี้ บสย. ภายใต้โครงการ “บสย. พร้อมช่วย” แก้หนี้อย่างยั่งยืน เช่น การประนอมหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้ ด้วยมาตรการ 3 สี ม่วง เหลือง เขียว ที่ได้รับการยอมรับจากลูกหนี้ที่เข้าโครงการประนอมหนี้ ว่าเป็นโครงการเชิงรุกที่ยอดเยี่ยม ที่สามารถช่วยประคองธุรกิจได้จริง ด้วยโมเดลการประนอมหนี้ที่มีความยืดหยุ่น เหมาะกับความสามารถในการชำระหนี้

มาตรการที่1 (สีม่วง) ยืดหยุ่น เพื่อให้ “ลูกหนี้” ยืนได้และก้าวต่อไป ตัดต้น 20% ดอกเบี้ย 80% ผ่อนนาน 5 ปี

มาตรการที่2 (สีเหลือง) เบาใจ เบาแรง “หนี้ลดหมดแน่นอน” ชำระครั้งแรก 1% ตัดเงินต้นทั้งจำนวน ผ่อนนาน 5 ปี

มาตรการที่ 3 (สีเขียว) ชำระครั้งแรก 10% ตัดเงินต้นทั้งจำนวน ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 7 ปี

โดยทั้ง 3 มาตรการมีลูกหนี้ติดต่อเข้ารับการประนอมหนี้และปรับโครงสร้างหนี้ 6,372 ราย สามารถช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านมาตรการต่างๆ ของ บสย. แล้ว 1,019 ราย คิดเป็นสัดส่วนความสำเร็จของการช่วยเหลือ (Success Rate) 16% คิดเป็นวงเงินประนอมหนี้ 722 ล้านบาท ผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการ สามารถเข้าถึงลูกหนี้ได้กว่า 75% ของลูกหนี้ที่เข้าร่วมทั้งหมด

นายสิทธิกร กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงาน บสย. ในช่วงครึ่งปีหลังว่า บสย. มุ่งเน้นการทำงานแบบเชิงรุก ภายใต้แนวคิด “TCG Fast & First รวดเร็ว รอบคอบ ที่หนึ่งในใจ SMEs” ช่วยผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่มเข้าถึงสินเชื่อ เพื่อผลักดันยอดค้ำประกันสินเชื่อสู่เป้าหมาย 174,348 ล้านบาท ได้แก่

1.สนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการ Re-Start ธุรกิจ หลังการเปิดประเทศ และ กลุ่ม Start up โดยร่วมกับสถาบันการเงินพันธมิตร SMEs D Bank

2.ยกระดับศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs หรือ บสย. F.A. Center พัฒนาหลักสูตรการอบรม พร้อมให้คำปรึกษาผู้ประกอบการ SMEs และกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง หรือ Start up เตรียมความพร้อมการเข้าสู่โลกธุรกิจ

3.สนับสนุนนโยบายแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG  BIO-Economy เศรษฐกิจชีวภาพ Circular Economy เศรษฐกิจหมุนเวียน และ Green Economy เศรษฐกิจสีเขียว ร่วมกับสถาบันการเงิน และองค์กรพันธมิตร และโครงการพลิกโฉมเกษตรไทยด้วย BCG ก้าวสู่เกษตรอุตสาหกรรมมูลค่าสูง อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นต้น

4.การพัฒนานวัตกรรมค้ำประกันสินเชื่อ การส่งเสริมการให้ความรู้ทางการเงินและธุรกิจ

5.สนับสนุนให้ลูกหนี้ บสย. เข้าร่วมโครงการประนอมหนี้ ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ การแก้หนี้

6.เดินหน้าการขับเคลื่อนองค์กรสู่ Digital Transformation อยู่ระหว่างการพัฒนา Single Credit Scoring การพัฒนากระบวนการการพิจารณาสินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อสู่ Digital Lending และ Digital Credit Guarantee  ร่วมกับสถาบันการเงินพันธมิตร

นายสิทธิกร กล่าวด้วยว่า เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ได้รับการค้ำประกันสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง บสย. ยังอยู่ในระหว่างการนำเสนอโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 10 วงเงิน 150,000 ล้านบาท ตั้งเป้าช่วยผู้ประกอบการ SMEs  35,000 ราย และกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อ 180,000 ล้านบาท และโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Micro 5 วงเงิน 30,000 ล้านบาท ตั้งเป้าช่วยผู้ประกอบการ SMEs 120,000 ราย และกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อ 30,000 ล้านบาทด้วย

อนึ่ง โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs สร้างชาติ (PGS 9) วงเงิน 150,000 ล้านบาท จะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 เป็นโครงการตามมาตรการรัฐ โดยสนับสนุนจ่ายชดเชยค่าธรรมเนียมค้ำประกันแทนผู้ประกอบการ SMEs ด้วยเงื่อนไขการค้ำประกันดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันสูงสุด 3 ปี ระยะเวลาการค้ำ 10 ปี

Back to top button