
“ดีอี” เตือนภัยออนไลน์! แนะยึดหลัก “4 ไม่” ป้องกันตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
กระทรวงดิจิทัลฯ เผย 5 คดีตัวอย่างอาชญากรรมไซเบอร์ล่าสุด รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท เตือนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นทนาย-ตำรวจหลอกคืนเงินผู้เสียหาย
นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยถึงสถานการณ์อาชญากรรมออนไลน์ว่า ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ (AOC 1441) ได้รับแจ้งกรณีตัวอย่างจากประชาชนที่ถูกหลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์จำนวน 5 คดี ระหว่างวันที่ 9 – 15 มิถุนายน 2568 รวมความเสียหายทั้งสิ้น 10,170,485 บาท โดยมิจฉาชีพใช้กลอุบายหลากหลายรูปแบบ อาทิ การหลอกเปิดบัญชีร้านค้าบน Facebook การชักชวนให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ รวมถึงการหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันที่สามารถควบคุมโทรศัพท์ของผู้เสียหายได้ และการอ้างตัวเป็นทนายหรือตำรวจไซเบอร์เพื่อช่วยดึงเงินคืนจากมิจฉาชีพ โดยมีการหลอกให้โอนเงินต่อเนื่องจนสูญเงินจำนวนมาก
จากรายงานดังกล่าว พบว่า มิจฉาชีพมักแฝงตัวในช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook และแอปพลิเคชัน Line ใช้โฆษณาชวนเชื่อหรือแอบอ้างตัวบุคคลมีตำแหน่งหน้าที่ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและหลอกลวงให้โอนเงิน ทั้งนี้โฆษกกระทรวงดีอีขอย้ำว่า การลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีการรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือมีความเสี่ยงสูง อีกทั้งภาครัฐหรือเจ้าหน้าที่จะไม่ติดต่อประชาชนผ่านโซเชียลมีเดียหรือโทรศัพท์โดยตรง และจะไม่มีการให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบบัญชีโดยเด็ดขาด
สำหรับผลการดำเนินงานของศูนย์ AOC 1441 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 จนถึง 13 มิถุนายน 2568 มีสายโทรเข้า 1441 รวม 1,812,978 สาย ระงับบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงได้ 712,732 บัญชี โดยส่วนใหญ่เป็นคดีหลอกซื้อขายสินค้า หลอกหารายได้พิเศษ หลอกลงทุน และหลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล
นางสาววงศ์อะเคื้อ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงดิจิทัลฯ ขอให้ประชาชนยึดหลัก “4 ไม่” คือ 1. ไม่กดลิงก์จากแหล่งที่ไม่รู้จัก 2. ไม่เชื่อข้อความหรือบุคคลที่อ้างตัวโดยไม่มีหลักฐาน 3. ไม่รีบดำเนินการหากยังไม่แน่ใจ และ 4. ไม่โอนเงินโดยไม่ตรวจสอบ โดยกระทรวงร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการทั้งในด้านปราบปรามและการให้ความรู้ เพื่อป้องกันประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ