BRI โกยยอดพรีเซล 6 เดือนแรก “นิวไฮ” 5 พันลบ. ครึ่งหลังรุกเปิด 10 โครงการใหม่

BRI โกยยอดพรีเซล 6 เดือนแรก “นิวไฮ” 5 พันลบ. ครึ่งหลังปี 65 รุกเปิด 10 โครงการใหม่ 1.09 หมื่นล้าน เน้นกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด มั่นใจดันยอดพรีเซลปีนี้แตะ 1.1 หมื่นล้าน


นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้เปิดตัวโครงการใหม่เพียง 2 โครงการ โดยมียอดขาย (พรีเซล) รวมประมาณ 5,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 26.7% ในจำนวนนี้เป็นยอดพรีเซลที่เกิดขึ้นในไตรมาสแรกที่ผ่านมากว่า 2,400 ล้านบาท และไตรมาส 2 อีกกว่า 2,600 ล้านบาท

สำหรับพรีเซลที่ทำได้ในครึ่งปีแรก มาจากความสำเร็จของการเปิดโครงการใหม่และโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย โดย 2 โครงการใหม่ที่เปิดขาย ได้แก่ โครงการบริทาเนีย ราชพฤกษ์ – นครอินทร์ บ้านแฝดและบ้านเดี่ยว สไตล์ English Gable ราคาเริ่มต้น 6.19-8.99 ล้านบาท มี Take up rate สูงกว่า 80% และโครงการบริทาเนีย อมตะ – พานทอง จังหวัดชลบุรี บ้านและทาวน์โฮมแนวคิดใหม่สไตล์ Modern British ราคาเริ่มต้น 2.99-7 ล้านบาท ที่เปิดพรีเซลเมื่อวันที่ 25-26 มิ.ย. ปัจจุบันมี Take up rate อยู่ที่ 45%

นอกจากนี้มีบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่อยู่ระหว่างการขายอีก 19 โครงการ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและภาคตะวันออก ซึ่งทุกโครงการสร้างยอดขายได้ดี

“ปีนี้เราเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 6 เดือนแรกเพียง 2 โครงการ และสามารถทำยอดขายได้เป็นที่น่าพอใจ ขณะที่โครงการเดิมที่อยู่ระหว่างการขายก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าเข้าเยี่ยมชมโครงการอย่างต่อเนื่อง และมียอดจองและโอนกรรมสิทธิ์เป็นที่น่าพอใจ” นางศุภลักษณ์ กล่าว

ขณะที่แผนการดำเนินงานครึ่งปีหลังจะรุกหนักมากขึ้น โดยเตรียมแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในช่วงไตรมาส 3 และ 4 รวมทั้งหมด 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,900 ล้านบาท ในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และจะขยายการพัฒนาโครงการไปยังจังหวัดที่มีศักยภาพในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมทั้งเปิดตัวแบบบ้านรุ่นใหม่ที่พัฒนารูปแบบและฟังก์ชันให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อสร้างแบรนด์บ้านจัดสรรของบริทาเนียให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศและตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบในหัวเมืองหลักต่างจังหวัด

ทั้งนี้ ประเมินว่าความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบซึ่งเป็นเรียลดีมานด์ แม้ปัจจุบันมีปัจจัยราคาพลังงานและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นกดดันภาพรวมเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามปัจจุบันธุรกิจอสังหาฯ ได้รับปัจจัยบวกจากภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ โดยการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนอง สำหรับการซื้อขายอสังหาฯ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่บริษัทเตรียมเปิดตัวแคมเปญใหม่เพื่อกระตุ้นการซื้อที่อยู่อาศัย จึงมั่นใจว่าจะสร้างยอดพรีเซลในปีนี้ถึง 11,000 ล้านบาทตามเป้า

Back to top button