“ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม” มิ.ย. ฟื้นรอบ 3 เดือน หลังคลายล็อกดาวน์

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยดัชนีเชื่อมั่นมิ.ย. 65 ปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกรอบ 3 เดือน หลังคลายล็อกดาวน์ เอกชนแนะเสริมแกร่งสินเชื่อดอกเบี้ย จับตาขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อสหรัฐ เงินบาทอ่อนกระทบต้นทุนนำเข้า


นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน 2565 อยู่ที่ระดับ 86.30 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 84.30 ในเดือนพฤษภาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยมีปัจจัยบวกจากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 เพิ่มเติม การปรับลดระดับการเตือนภัย โควิดจากระดับ 3 เป็น 2 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ทยอยกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น

รวมถึงการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ ขณะที่ภาคการผลิตมีทิศทางที่ดีขึ้นสอดคล้องกับดัชนีฯคำสั่งซื้อสินค้าและยอดขายในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้การที่ประเทศจีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เมืองสำคัญ ทำให้สั่งซื้อสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยลบจากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังส่งผลให้ราคาวัตถุดิบและราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนปัญหา Supply Shortage ที่ยังไม่คลี่คลาย ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกมีทิศทางชะลอตัวลง เนื่องจากหลายประเทศเผชิญปัญหาเงินเฟ้อส่งผลให้คำสั่งซื้อสินค้าจากประเทศคู่ค้าชะลอตัวโดยเฉพาะสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป

ทั้งนี้จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,335 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในเดือนมิถุนายน 2565 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นได้แก่ ราคาน้ำมัน ร้อยละ 90.30 สภาวะเศรษฐกิจโลก ร้อยละ 69 สถานการณ์การเมือง ร้อยละ 38.80 ตามลำดับ ปัจจัยที่มีความกังวล ลดลง ได้แก่ เศรษฐกิจในประเทศ ร้อยละ 55.20 สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ร้อยละ 52.30 อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ร้อยละ 34 และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 31 ตามลำดับ

สำหรับดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 97.50 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 96.70 ในเดือนพฤษภาคม โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการทยอยฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส4 มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับบริษัทเอกชนที่นำพนักงานไปท่องเที่ยวในเมืองรองและเมืองหลัก เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ รวมทั้งการยกเลิก Thailand Pass ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 คาดว่าจะช่วยหนุนให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น

อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น ตลอดจนความไม่แน่นอนของสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน รวมถึงความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย (Recession) ซึ่งจะกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย

นอกจากนี้เอกชนยังข้อเสนอแนะต่อภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

1) ให้ภาครัฐเร่งหาตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อทดแทนตลาดที่ชะลอตัวและได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

2) ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการจ้างงานในระยะสั้นและระยะยาว

3) ส่งเสริมและปรับปรุงกฎระเบียบให้เกิดการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคธุรกิจและภาคประชาชน

4) สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อการประหยัดพลังงาน

Back to top button