สแกนงบ “โรงพยาบาล” ไตรมาส 2 ชู BH แกร่งสุด โตเฉียด 2 เท่าตัว!

“บล.ไทยพาณิชย์” ประเมินงบไตรมาส 2/65 กลุ่มโรงพยาบาล ชู BH เติบโตแกร่งสุดที่ระดับ 197% ส่วน BDMS โต 65% เทียบกับปีก่อน


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นในกลุ่ม “โรงพยาบาล” มานำเสนอเป็นทางเลือกในการลงทุนให้กับนักลงทุน โดยอ้างอิงจากข้อมูลการคาดการณ์ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 2/65 จากบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด

โดยคาดกําไรกลุ่ม “โรงพยาบาล” จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ลดลงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน โดยกําไรที่เติบโตเมื่อเทียบจากปีก่อน จะได้รับการสนับสนุนจากรายได้จากบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นและรายได้เพิ่มเติมจากบริการโควิด-19 ในขณะที่กําไรที่ลดลงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จะมีสาเหตุมาจากปัจจัยฤดูกาลและรายได้จากบริการโควิด-19 ที่ลดลง

ทั้งนี้คาดว่า บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH จะรายงานกําไรเติบโตเมื่อเทียบจากปีก่อน และแข็งแกร่งที่สุด จากฐานตํ่าอันเป็นผลมาจากบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติที่อ่อนแอ โดยคาดเติบโต 197% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ลดลง 13% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน

ด้าน บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS คาดเติบโต 65% เมื่อเทียบจากปีก่อน 30% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และบริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เติบโต 56% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ลดลง 34% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน

ขณะที่ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH คาดรายงานกําไรเติบโตเมื่อเทียบจากปีก่อนตํ่าที่สุด โดยมีสาเหตุมาจากฐานสูงจากบริการโควิด-19 โดยคาดเติบโต 7% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ลดลง 40% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน

ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/65 โรงพยาบาลเอกชนได้ลดจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ลง เนื่องจากความต้องการรักษาโควิด-19 ในโรงพยาบาลปรับลดลง สอดคล้องกับการฉีดวัคซีนได้ในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้ความรุนแรงของโรคลดลง และจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่ลดลง ยกตัวอย่างเช่น BDMS และ BCH ได้ลดจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ลงประมาณ 20% และประมาณ 38% ตามลำดับ

สำหรับความกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 นั้น นับถึงขณะนี้รัฐบาลไทยยังไม่มีแผนที่จะนำมาตรการใหม่มาใช้เพื่อรับมือกับสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 เนื่องจากสายพันธุ์ย่อยใหม่ดังกล่าวไม่รุนแรงเท่าระลอกก่อนหน้านี้ ตัวอย่างเช่น แอฟริกาใต้ (ประเทศแรกที่ตรวจพบ BA.4 และ BA.5 ในเดือนม.ค.) พบว่าจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในช่วงที่เกิดการระบาดของ BA.4 และ BA.5 ทั้งๆ ที่จำนวนผู้ติดเชื้อสูง

พร้อมกันนี้ยังคงมุมมองที่ว่ารายได้จากบริการโควิด-19 จะเริ่มลดลงในไตรมาส 2/65 ถึงปี 66 จากฐานสูงในปี 64

ทั้งนี้ บริการผู้ป่วยชาวต่างชาติจะแข็งแกร่งขึ้นในครึ่งหลังของปี 65 คาดว่าปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิด-19 ในครึ่งปีหลังของปี 65 คือ บริการผู้ป่วยชาวต่างชาติที่แข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ BDMS (ประมาณ 30% ของรายได้ก่อนเกิดโควิด-19) และ BH (ประมาณ 65% ของรายได้ก่อนเกิดโควิด-19) หลังจากประเทศไทยกลับมาเปิดประเทศเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.65 ด้วยการยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางทั้งหมด ซึ่งรวมถึงระบบ Thailand Pass และการประกันโควิด-19

โดยหลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเร่งตัวขึ้นจาก 2.93 แสนคนในเดือนเม.ย. สู่ 7.10 แสนคนในเดือนมิ.ย. คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนก.ค. เนื่องจากชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้าไทยได้สะดวกมากขึ้น

Back to top button