BCH เล็งอัพรายได้ Q3 รับผู้ป่วยโควิดพุ่ง ดันทั้งปีทะลุ 1.7 หมื่นลบ.

BCH วางงบลงทุน 1.1 พันลบ. ซื้อที่ดิน-ปรับปรุงอาคารรองรับผู้ป่วยเพิ่ม แย้มไตรมาส 3/65 โตต่อ รับผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้น ดันรายได้ทั้งปี 65 ทะลุ 1.7 หมื่นลบ.


นายภูมิพัฒน์ ฉัตรนรเศรษฐ ผู้อํานวยการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 26 ส.ค. 65 ว่า ปีนี้เป็นปีที่ 38 ของการดำเนินงานของบริษัทฯ โดยปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 2,483.75 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาได้รับการอัพเกรดเครดิตเรทติ้งจาก A- เป็น A (Stable out look) จาก ทริส เรทติ้ง

นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังได้รับการ Recertify ครั้งที่ 2 ในการเป็นสมาชิกแนวร่วมภาคเอกชนในการต่อต้านคอร์รัปชั่น และได้รับเรทติ้งดีมากจากรายงานการกำกับดูแลกิจการที่ดีเมื่อปีที่ผ่านมา และล่าสุดได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล จากสถาบันไทยพัฒน์ติดต่อกันเป็นปีที่ 5

โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ในช่วงขยายกิจการทั้งในรูปแบบการเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ และการขยายศูนย์ตติยภูมิทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มศักยภาพ รวมถึงอาณาเขตการให้บริการและสร้างเครือข่ายการรับชมต่อคนไข้ระดับประเทศและภูมิภาค จากการขยายกิจการในช่วงที่ผ่านมาทำให้ปัจจุบันบริษัทมีโรงพยาบาลในเครือทั้งหมด 15 แห่ง มีจำนวนห้องตรวจรวม 582 ห้องตรวจ และจำนวนเตียงจดทะเบียนรวม 2,254 เตียง

ทั้งนี้ โรงพยาบาลในเครือได้รับการรับรองคุณภาพระดับสูง จากสถาบันรับรอวงคุณภาพสถานพยาบาล (HA) และยังมีโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล (JCI) 2แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ นอกจากนั้นยังมีโรงพยาบาลในเครืออีก 4 แห่ง ที่อยุ่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการขอรับรองมาตรฐานระดับสากล (JCI) อยู่เช่นกัน

สำหรับในไตรมาส 3/65 บริษัทมีแผนที่จะปรับประมาณการรายได้ปีนี้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันคาดว่าจะอยู่ที่ 17,000 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้การให้บริการโควิดเติบโตค่อนข้างมาก และในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะเน้นการให้บริการคนไข้ภาคปกติ และการนำเสนอการให้บริการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางที่ทยอยเปิดดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา

“ขณะนี้ยังคงประมาณการรายได้ที่ 17,000 ล้านบาท โดยการปรับเป้ารายได้ จะพิจารณาจากเรื่องของวัคซีน ตามที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งเดิมให้น้ำหนักการขายวัคซีนโมเดอร์นา และเดิมตั้งเป้าสัดส่วนรายได้กับโควิดค่อนข้างน้อยที่ 15% ของรายได้รวมเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาบริษัทให้บริการโควิดไปค่อนข้างมากประมาณ 40-45% ของรายได้รวม อาจทำให้รีบาลานซ์เป้ารายได้ปีนี้ให้สอดคล้องกับที่ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา” นายภูมิพัฒน์ กล่าว

ส่วนงบลงทุนในปีนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1,100 ล้านบาท โดย 900 ล้านบาท ใช้ในการซื้อสินทรัพย์ หรือที่ดิน และอาคารที่นวนคร ประมาณ 400 กว่าล้านบาท เพื่อปรับปรุงและขยายส่วนให้บริการคนไข้ รวมถึงจะใช้ในการรีแบรนด์โรงพยาบาลการุญเวช ปทุมธานี เป็นโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปทุมธานี รวมถึงการปรับปรุงโรงพยาบาลหลักๆ เช่น เกษมราษฎร์บางซื่อ เกษมราฎร์บางแค เกษมราฎร์ฉะเชิงเทรา เป็นต้น นอกจากนี้จะใช้งบประมาณอีก 200 บาท สำหรับการปรับปรุงดูแลรักษาอาคารต่างๆ เป็นต้น

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 5,541.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.98% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 4,329.77 ล้านบาท โดยเป็นผลจากรายได้ผู้ป่วยในทั่วไปในไตรมาส 2/65 จำนวน 1,749.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.12% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,747.10 ล้านบาท

โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อจำนวนคนไข้ในช่วงที่ผ่านมา คือความวิตกกังวลในการเข้ารับบริการภายในโรงพยาบาล ต่อมาคือความเข้มงวดของมาตรการภาครัฐ และการบริหารจัดการทรัพยากรภายในโรงพยาบาล ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยภาคปกติในช่วงปี 63-64ลดลง อย่างไรก็ตามช่วงไตรมาส 2/64 เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของจำนวนผู้ป่วย Non-Covid อย่างชัดเจน ต่อมาลดลงอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3/64 จากการระบาดหนักระลอก 4 ซึ่งมีจำนวนการติดเชื้อสูง ก่อนจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของผู้ป่วยนอกต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/64 จนถึงปัจจุบัน

นายอภิชาติ กุลเสฏฐวุฒิ เจ้าหน้าที่อาวุโสนักลงทุนสัมพันธ์ BCH กล่าวถึงการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ว่า ในด้านของสิ่งแวดล้อมมีการรณรงค์ให้ลูกค้าของโรงพยาบาลใช้ถุงผ้าหรือถุงกระดาษแทนถุงพลาสติก ในส่วนของการอนุรักษ์พลังงาน โรงพยาบาลใช้พลังงานทางเลือก โดยโรงพยาบาลในเครือบางสาขาได้ติดตั้ง Solar Roof เพื่อลดการใช้ไฟฟ้า ส่วนด้านสังคม ได้เข้าร่วมโครงการภาครัฐที่เกี่ยวเนื่องกับโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง สำหรับการดำเนินงานด้านธรรมาภิบาลมีการปฏิบัติตามพ.ร.บ.PDPA อย่างเคร่งครัด ตั้งแต่เริ่มประกาศใช้ เมื่อ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา

นางสาวณัฐวรรณ บัวทอง เจ้าหน้าที่อาวุโสนักลงทุนสัมพันธ์ BCH กล่าวถึงแนวโน้มการดำเนินงานในอนาคตว่า บริษัทฯ มีแผนจะขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทางระดับสูงเพิ่มขึ้น เช่น ศูนย์รักษามะเร็ง ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ศูนย์ผู้มีบุตรยาก ศูนย์รักษาแผลเบาหวานที่เท้า ศูนย์พัฒนาการเด็ก และศูนย์หัวใจ เป็นต้น โดยตั้งใจให้เกิดการบริการแบบ One Stop Service ซึ่งช่วยลดระยะเวลาและขั้นตอนการรับบริการ และช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน อีกทั้งศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง และศูนย์แลปที่เปิดเพิ่มขึ้นถือเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของบริษัทฯ

ขณะเดียวกันบริษัทฯ เร่งยกระดับความสามารถและคุณภาพในการให้บริการของโรงพยาบาลในเครือ ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาให้ดรงพยาบาลดังกล่าวเป็นศูนย์รับส่งต่อผู้ป่วยแบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลนอกเครือ และเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าให้แก่โรงพยาบาลด้วย

สำหรับการให้บริการฉีดวัคซีนโมเดิร์นนาในช่วงไตรมาส 2/65 ที่ผ่านมา ทางภาครัฐมีการส่งเสริมให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยโรงพยาบาลได้ใช้กลยุทธ์ส่งเสริมด้านราคาทั้งกับลูกค้ารายใหม่และลุกค้ารายเก่า รวมถึงกลยุทธ์การขายร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของโรงพยาบาล ซึ่งคาดว่าประชาชนจะทยอยเข้ามาฉีดวัคซีนกันอย่างต่อเนื่อง โดยยอดจำหน่ายวัคซีนในไตรมาส 2/65 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 192,373 โดส

โดยปัจจัยที่จะสนับสนุนการดำเนินงานในอนาคตคือกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ จากการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศของรัฐบาล เพื่อดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาของตลาดผู้ป่วยชาวต่างชาติในประเทศไทยมีอัตตราการเติบโตต่อเนื่อง เฉลี่ย 43.2% โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดโดยรวมในปี 70 จะมีมูลค่าสูงถึง 24.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวจะทยอยเดินทางกลับเข้ามารับบริการอย่างต่อเนื่อง

Back to top button