“ครม.” ไฟเขียว “รฟท.” กู้เงิน 1.5 หมื่นลบ. เพิ่มสภาพคล่อง

“ครม.” ไฟเขียว “รฟท.” กู้วงเงิน 1.5 หมื่นลบ. เพื่อบรรเทาขาดสภาพคล่องงบประมาณปี 66 เพื่อให้มีเงินสดหมุนเวียนในการใช้จ่ายดำเนินงาน คาดว่า “รฟท.” จะเริ่มขาดเงินในช่วงเดือนตุลาคม 2565


นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงิน เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ 2566 วงเงิน 15,200 ล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้นวงเงิน 1,500 ล้านบาท โดยให้ดำเนินการคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการประมูลวงเงินกู้ระยะสั้นตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดตามความเหมาะสม

โดย รฟท.จะกู้เงินได้ภายหลังจากวงเงินกู้ได้รับการบรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2566 ที่ผ่านความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว

สำหรับที่ผ่านมาครม.มีมติเห็นชอบให้ รฟท.ดำเนินการกู้เงินเพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่อง และเงินกู้ระยะสั้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ซึ่งรฟท.ได้ขอกู้เงินเพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องรวมแล้วจำนวน 88,905 ล้านบาท

“กระทรวงคมนาคม ได้รายงานว่า รฟท.ประสบปัญหาขาดทุนมาอย่างต่อเนื่องซึ่งในปี 2566 รฟท.คาดการณ์ว่าจะมีเงินสดรับ 59,320 ล้านบาท และเงินสดจ่าย 74,620 ล้านบาท โดยมีเงินสดยกมาจากปี 2565 จำนวน 100 ล้านบาท ส่งผลให้ รฟท.ขาดเงินสดไว้ใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2566 จำนวน 15,200 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องกู้เงินจำนวนดังกล่าว เพื่อให้มีเงินสดหมุนเวียนในการใช้จ่ายดำเนินงาน, การลงทุน, การจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญ และการชำระหนี้เงินกู้ โดยคาดว่ารฟท.จะเริ่มขาดเงินในช่วงเดือนตุลาคม 2565” นางสาวไตรศุลี กล่าว

สำหรับเงินวงเงินกู้ระยะสั้น 1,500 ล้านบาท จะเป็นวงเงินสำรองสำหรับกรณีที่ต้องมีการใช้จ่ายเร่งด่วน เนื่องจากปัจจุบัน ร.ฟ.ท. มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการต้องบริหาร ขณะที่รายจ่ายด้านต่างๆ อาทิ การบำรุงรักษาทาง อาณัติสัญญาณ รถจักรล้อเลื่อน และการบริหารต่างๆ ยังคงเดิม แต่ ร.ฟ.ท. ยังมีภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง และอาจประสบภาวะเงินสดขาดมือในบางช่วง จึงจำเป็นต้องเปิดวงเงินกู้ระยะสั้นในกรอบ 1,500 ล้านบาทข้างต้น สำหรับการสำรองเงินให้แก่ผู้รับจ้างเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย การดำเนินงานต้องกระทบกระเทือนหรือหยุดชะงัก

Back to top button