สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 31 ต.ค. 2565

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 31 ต.ค. 2565


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (31 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 1-2 พ.ย.นี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,732.95 จุด ลดลง 128.85 จุด หรือ -0.39%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,871.98 จุด ลดลง 29.08 จุด หรือ -0.75% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,988.15 จุด ลดลง 114.31 จุด หรือ -1.03%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (31 ต.ค.) และปรับตัวขึ้นเป็นเดือนแรกในรอบ 3 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนและความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 412.20 จุด เพิ่มขึ้น 1.44 จุด หรือ +0.35%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,266.77 จุด ลดลง 6.28 จุด หรือ -0.10%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,253.74 จุด เพิ่มขึ้น 10.41 จุด หรือ +0.079% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,094.53 จุด เพิ่มขึ้น 46.86 จุด หรือ +0.66%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันจันทร์ (31 ต.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ เนื่องจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออก อาทิ หุ้นแอสตร้าเซนเนก้าและหุ้นยูนิลีเวอร์ ขณะที่หุ้นอีซีเจ็ตทะยานขึ้นจากการคาดการณ์ว่าบริษัทไอเอจีซึ่งเป็นเจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์จะเข้าเทกโอเวอร์

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,094.53 จุด เพิ่มขึ้น 46.86 จุด หรือ +0.66% ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. และปรับตัวขึ้นรายเดือนเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (31 ต.ค.) หลังจากมีรายงานว่าการผลิตน้ำมันในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน รวมทั้งความกังวลที่ว่ามาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดของจีนจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 86.53 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 94 เซนต์ หรือ 0.98% ปิดที่ 94.83 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (31 ต.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 1-2 พ.ย.นี้

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.1 ดอลลาร์ หรือ 0.25% ปิดที่ 1,640.7 ดอลลาร์/ออนซ์ และตลอดเดือนต.ค. สัญญาทองคำปรับตัวลงทั้งสิ้น 1.9% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเดือนที่ 7

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.8 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 19.119 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 19 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 930.1 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 65.50 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 1,831.70 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (31 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 1-2 พ.ย.นี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งนี้

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.7% แตะที่ระดับ 111.5280

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 148.62 เยน จากระดับ 147.51 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0016 ฟรังก์ จากระดับ 0.9961 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3627 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3609 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 11.0451 โครนา จากระดับ 10.9606 โครนา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 0.9887 ดอลลาร์ จากระดับ 0.9958 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1470 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1611 ดอลลาร์

ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดทำการวานนี้ (31 ต.ค.) เนื่องในวันหยุดประจำชาติ

Back to top button