PTTGC ไตรมาส 3 โกยรายได้เฉียด 2 แสนล้าน ลุ้น Q4 ฟื้นตัวรับ “จีน” จ่อเปิดประเทศ

PTTGC ไตรมาส 3/65 โกยรายได้เฉียด 1.81 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% จากช่วงปีก่อน 1.2 แสนล้าน ฟากโบรกฯคาดงบไตรมาส 4/65 ฟื้นตัวรับ “จีน” เตรียมเปิดประเทศ พร้อมเดินเครื่องโครงการพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูง และโครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 ดำเนินการเชิงพาณิชย์ไตรมาส 1/66


บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/65 และงวด 9 เดือนแรกของปี 65 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

โดยในไตรมาส 3/65 นี้บริษัทฯมีรายได้จากการขายรวม 181,536 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 8 จากไตรมาส 2/65 แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 62 จากไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 112,173 ล้านบาท โดยรายได้รวมปรับตัวลดลงเนื่องจากความกังวลต่อภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ที่อ่อนตัวลงและราคาขายของผลิตภัณฑ์ที่ลดลงทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี

ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มี Adjusted EBITDA อยู่ที่ 10,374 ล้านบาท ปรับตัวลดลงทั้งจากไตรมาส 2/65 และไตรมาส 3/64 ร้อยละ 51 และร้อยละ 34 ตามลำดับ ตามทิศทางส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์โตรเลียมและปิโตรเคมีที่ปรับลดลง

เนื่องจากอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ที่ลดลง จากมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศจีน รวมถึงกำลังการผลิตใหม่ที่เข้าสู่ตลาด โดยถึงแม้ธุรกิจจะได้รับปัจจัยกดดันจากปัจจัยท้าทายที่กล่าวไปข้างต้น แต่บริษัทฯยังคงมีกำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 813 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจตามที่กล่าวมาได้ส่งผลให้เกิดความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ รับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติ ได้แก่ ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ ( Stock Loss Net NRV) รวม 8,108 ล้านบาท

นอกจากนี้ผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 2.111 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจริงสูงกว่าราคาที่ทำประกันความเสี่ยงไว้ โดยเป็นการรับรู้ที่เกิดขึ้นแล้ว (realized) เป็นผลขาดทุนจำนวน 5,660 ล้านบาท และที่ยังไม่เกิดขึ้น(unrealized) เป็นผลกำไรจำนวน 3,549 ล้านบาท และผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน 4,426 ล้านบาท กำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงิน 1,128 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่บริษัทฯรับรู้จำนวน 306 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากไตรมาส 2/65 โดยมีสาเหตุหลักจากธุรกิจปิโตรเคมีที่อ่อนตัวลง ส่งผลให้ในไตรมาส 3/65 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิรวม 13,384 ล้านบาท

ส่วนความคืบหน้ามีโครงการสำคัญที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่ โครงการพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูง โดยได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนได้แก่บริษัท คราเร่ จีซี แฉดวานซ์ แมททีเรียลส์ จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงประเภท High Heat Resistant Polyamide-9T (PA9T) กำลังการผลิตที่ 13,000 ตันต่อปี และ Hydrogenated Styrenic Block Copolymer (HSBC) กำลังการผลิตที่ 16,000 ตันต่อปี คาดว่าเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1/66

ส่วนโครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 (OJeins 2 Modification Project) ซึ่งจะทำให้โรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 ของบริษัทฯ สามารถใช้โพรเพนเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้เพิ่มขึ้น โดยโครงการดังกล่าวสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว คาดว่าเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1/66 ซึ่งโครงการดังกล่าวยังคงเป็นไปตามแผนที่บริษัทฯได้วางไว้ หากมีการพัฒนาที่มีนัยสำคัญและใกล้ดำเนินการเชิงพาณิชย์ บริษัทฯจะแจ้งความคืบหน้าอีกครั้ง

นอกจากนี้ยังประมาณการงบลงทุนในช่วง 5 ปี (66-70) อยู่ที่ 793 ล้านเหรียญฯสหรัฐ ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 มูลค่า 33 ล้านเหรียญสหรับ และโครงการอื่นๆ 269 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการของกลุ่มบริษัท allnex Holding GmbH 491 ล้านเหรียญสหรัฐ

ด้านบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า  PTTGC แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/65 คาดจะฟื้นตัว หลังจากผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 3/65 ไปแล้ว ซึ่งเป็นไปตามอุปสงค์ที่เริ่มฟื้นดีขึ้น ประกอบกับได้รับ Sentment เชิงบวกจากจีนเตรียมกลับมาเปิดประเทศในเร็วๆ นี้

Back to top button