WTI ปิดลบ 1.24 เหรียญ นักลงทุนกังวลประชุม “โอเปก”

WTI ปิดลบ 1.24 ดอลลาร์ ขณะที่เบรนท์ลดลง 1.31 ดอลลาร์ นักลงทุนกังวลประชุมกลุ่ม “โอเปก” วันที่ 4 ธ.ค.65 ก่อนที่กลุ่ม G7 รวมทั้งสหภาพยุโรป (EU) และออสเตรเลียมีกำหนดบังคับใช้เพดานราคาน้ำมันรัสเซียในวันจันทร์ที่ 5 ธ.ค.65


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (2 ธ.ค.65) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร (โอเปกพลัส) ในวันอาทิตย์ที่ 4 ธ.ค.65 ก่อนที่กลุ่ม G7 รวมทั้งสหภาพยุโรป (EU) และออสเตรเลียมีกำหนดบังคับใช้เพดานราคาน้ำมันรัสเซียในวันจันทร์ที่ 5 ธ.ค.65

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.24 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 79.98 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปรับตัวขึ้นเกือบ 4.9% ในรอบสัปดาห์นี้

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.31 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 85.57 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่เพิ่มขึ้น 2.2% ในรอบสัปดาห์นี้

โดยราคาน้ำมันปรับตัวลงในระหว่างการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ หลังจากมีรายงานข่าวว่า EU สามารถบรรลุข้อตกลงในการกำหนดราคาน้ำมันรัสเซียที่ระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล และให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เพดานราคาอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของราคาตลาดอย่างน้อย 5%

ทั้งนี้ มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้รัสเซียมีรายได้ลดลงจากการจำหน่ายน้ำมันที่จะนำไปสนับสนุนการทำสงครามในยูเครน แต่ก็จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลกจนทำให้เกิดภาวะขาดแคลน

สำหรับกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือ G7 รวมทั้ง EU และออสเตรเลียมีกำหนดบังคับใช้เพดานราคาน้ำมันรัสเซียในวันที่ 5 ธ.ค.65 โดยจะมีผลบังคับใช้ต่อผลผลิตน้ำมันของรัสเซียที่มีการขนส่งผ่านทางเรือบรรทุกน้ำมัน แต่ไม่รวมน้ำมันที่มีการขนส่งผ่านท่อส่งน้ำมัน

โดยบรรดานักลงทุนในตลาดน้ำมันจะจับตาโอเปกพลัสจัดการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในวันอาทิตย์ที่ 4 ธ.ค.นี้เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันสำหรับเดือนธ.ค.

ขณะที่แหล่งข่าว 5 รายระบุว่า โอเปกพลัสจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตในการประชุมครั้งนี้ โดยจะยืนตามมติในการประชุมเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ในการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2566

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวอีก 2 รายคาดว่า โอเปกพลัสจะปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้นในการประชุมครั้งนี้

“เราไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่โอเปกพลัสอาจปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น ซึ่งหากโอเปกพลัสไม่ดำเนินการดังกล่าว ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาด” นายสตีเฟน

Back to top button