WARRIX เทรดสนั่น! ลุ้นวิ่งทะลุ 8 บาท ชูจุดแข็งแบรนด์ “อุปกรณ์กีฬา” ชั้นนำ

WARRIX ลงสนามเทรดวันนี้ ลุ้นวิ่งชนเป้า 8.50 บาท ชูจุดแข็งจำหน่ายเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ “วอริกซ์” และอุปกรณ์กีฬา ประสบการณ์แน่นกว่า 10 ปี คาดกำไรปี 65-67 เติบโตเฉลี่ย 166% ต่อปี  


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ธ.ค.65) หลักทรัพย์ บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ WARRIX เตรียมเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายใต้กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “WARRIX”

โดย WARRIX ประกอบธุรกิจเป็นผู้จำหน่ายเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ “วอริกซ์” และอุปกรณ์กีฬา โดยบริษัทได้รับสิทธิ์เป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าฟุตบอลทีมชาติไทยตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน สินค้าเสื้อผ้าของบริษัทแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ สินค้า Licensed Product ประกอบด้วย สินค้าเกี่ยวกับกีฬาทีมชาติ สินค้าสโมสรฟุตบอล เป็นต้น และสินค้า Non-Licensed Product

ประกอบด้วย สินค้าคอลเลคชั่น สินค้าคลาสสิค สินค้าทำตามคำสั่ง เป็นต้น ในปี 2564 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากสินค้า Non-Licensed Product และสินค้า Licensed Product คิดเป็นร้อยละ 78:22 โดยบริษัทมีช่องทางจำหน่าย ได้แก่ ร้านค้าของบริษัท ห้างสรรพสินค้า งานโครงการ ช่องทางออนไลน์ สัญญาตามสัญญาสนับสนุน เป็นต้น

ทั้งนี้บริษัทจะมีการจัดซื้อสินค้าเสื้อผ้าจากผู้ผลิตภายในประเทศประมาณ 7 ราย โดยมีการควบคุมคุณภาพและมีศักยภาพในการส่งมอบสินค้าให้บริษัทได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในปี 2563 บริษัทได้เริ่มขยายสู่การให้บริการด้านสุขภาพในเขตกรุงเทพฯ โดยเปิดคลินิกกายภาพบำบัด บริเวณสเตเดี้ยมวัน และเดือนตุลาคมปี 2565 ได้เปิดศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

โดย WARRIX มีทุนชำระหลังเสนอขาย 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 420 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 180 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลและผู้ลงทุนสถาบันตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 135 ล้านหุ้นเสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 27 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท 18 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 6 – 8 ธันวาคม 2565 ในราคาหุ้นละ 6.30 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,134 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 3,780 ล้านบาท

ทั้งนี้การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WARRIX เปิดเผยว่า บริษัทก้าวเข้าสู่การเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Brand) ขยายจากกลุ่มนักกีฬาและแฟนกีฬา ไปยังเยาวชน กลุ่มคนทุกเพศทุกวัย โดยเน้นในเรื่องของกีฬา สุขภาพและไลฟ์สไตล์ ภายใต้เป้าหมายที่จะพัฒนาแบรนด์ไทยสู่ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เงินที่ได้จากการระดมทุนบริษัทจะนำไปใช้ในการลงทุนโครงการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา และสำนักงานบริเวณถนนพระราม 9 ตลอดจนเป็นเงินทุนหมุนเวียน

โดย WARRIX มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือกลุ่มคุณวิศัลย์ถือหุ้นร้อยละ 64.32 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท

ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินมูลค่าพื้นฐานของ WARRIX ปี 66 ที่ 8.50 บาท/หุ้น ด้วยวิธี PE ที่ 27 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย PE ย้อนหลังของบริษัทจดทะเบียนฯที่ประกอบธุรกิจลักษณะใกล้เคียงกัน โดย WARRIX มีความน่าสนใจ อาทิ 1.เป็น Brand ไทย คุณภาพ World Class โดยบริษัทสร้าง Brand Awareness จากการเป็นผู้สนับสนุนเสื้อผ้าฟุตบอลทีมชาติไทยตั้งแต่ปี 60 จนถึงปัจจุบัน และขยายไปสู่เสื้อผ้ากีฬาชนิดอื่นๆ โดยผู้บริหารมีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมเส้นใยและการพัฒนาเนื้อผ้า ให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนาระดับโลก

2.มีการใช้เทคโนโลยีช่วยพัฒนาการขาย จัดการสินค้าคงเหลือ ลดการเกิด Dead stock และทำกลยุทธ์ด้านราคาขายได้ดีขึ้น 3.คาดการณ์กำไรสุทธิปี 65-67 เติบโตราว 166% ต่อปี (CAGR) ปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดเมือง จัดงานแข่งกีฬาได้ตามปกติ รวมถึงการออกสินค้าใหม่และการปรับราคาหนุนมาร์จิ้น

โดยในปี 65-67 คาดกำไรสุทธิ 115 ล้านบาท / 190 ล้านบาท / 260 ล้านบาท ตามลำดับ หรือเติบโตเฉลี่ย 166% ต่อปี  มีปัจจัยผลักดัน จาก 1.คาดรายได้จากการขายและบริการปี 65-67 ราว 1,020 ล้านบาท / 1,320 ล้านบาท และ 1,755 ล้านบาท ตามลำดับ หรือมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 39% ต่อปี ฟื้นตัวจากปี 64 จากสถานการณ์โควิด 19 คลี่คลาย การกลับมาออกกาลังนอกสถานที่ การจัดการแข่งขันกีฬาระดับประเทศ รวมถึงงานกิจกรรมต่างๆ กลับมาเป็นปกติ

2.คาดอัตรากาไรขั้นต้นปี 65-67 ที่ 45.5% / 47.0% และ 47.0% ตามลำดับ เนื่องจากคาดว่าจะมีความต้องการสินค้ามากขึ้น การเกิด Economy of scale อีกทั้งการออกสินค้าใหม่ตามฤดูกาล รวมถึงการปรับราคาขายเป็นระยะ 3.คาด SG&A/sales ในปี 65-67 จะมีสัดส่วนราว 31.0% / 29.5% และ 29% ลดลงตามลำดับ เนื่องจากคาดไม่มีค่าใช้จ่ายย้ายคลังสินค้าดังเช่นในปี 64 และส่วนมากเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ ซึ่งค่าใช้จ่ายมีการเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งต่ำกว่าอัตราการเติบโตของรายได้

พร้อมกันนี้ ประเมินมูลค่าพื้นฐานของ WARRIX ปี 66 ที่ 8.50 บาท/หุ้น ด้วยวิธี PE 27 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย PE ย้อนหลังของบริษัทจดทะเบียนฯที่ประกอบธุรกิจลักษณะใกล้เคียงกัน ได้แก่ SABINA และ RSP

โดย WARRIX มีความน่าสนใจ ได้แก่ 1.การเป็น Brand ไทย คุณภาพ World Class โดยบริษัทสร้าง Brand Awareness จากการเป็นผู้สนับสนุนเสื้อผ้าฟุตบอลทีมชาติไทยตั้งแต่ปี 60 จนถึงปัจจุบัน และขยายไปสู่เสื้อผ้ากีฬาชนิดอื่นๆ ด้วยเช่น วิ่ง โยคะ เทเบิลเทนนิส บาสเกตบอล กอล์ฟ เป็นต้น

โดยผู้บริหารมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี จากครอบครัวประกอบธุรกิจโรงงานทอผ้า จึงมีทั้งความรู้ ความเชี่ยวชาญ ในเรื่องนวัตกรรมเส้นใยและการพัฒนาเนื้อผ้า ให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก 2.การใช้เทคโนโลยี ระบบ Data Driven Transformation ในการพัฒนาการขาย การเชื่อมระบบ E-commerce และสามารถใช้วิเคราะห์ เพื่อบริหารจัดการสินค้าคงเหลือที่มีหลายแบบ หลายขนาดได้ดีขึ้น ซึ่งลดโอกาสการเกิด Dead stock ลง และทำกลยุทธ์ด้านราคาขายได้ดีขึ้น

3.คาดการณ์กำไรสุทธิปี 65-67 เติบโตราว 166% ต่อปี (CAGR) มีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของยอดขายเสื้อผ้าทั้งในกลุ่ม Licensed และ Non-Licensed จากความต้องการมากขึ้น หลังการเปิดเมือง สามารถกลับมาออกกาลังกายนอกสถานที่ รวมถึงการจัดงานแข่งขันกีฬาได้ตามปกติ ประกอบกับมีการปรับราคาขายขึ้นบางส่วน หนุนอัตรากาไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารส่วนมากเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ ซึ่งเติบโตในอัตราเร่งน้อยกว่าการเติบโตของรายได้

Back to top button