
เป้าแรก 1,150 จุด
สิ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกอุ่นใจขึ้นเรื่อย ๆ ก็คือ แรงซื้อของต่างชาติที่เริ่มมีมากขึ้น จนทำให้ยอดซื้อสุทธิในเดือน ก.ค. อยู่ที่ระดับ 446 ล้านบาท
สิ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกอุ่นใจขึ้นเรื่อย ๆ ก็คือ แรงซื้อของต่างชาติที่เริ่มมีมากขึ้น จนทำให้ยอดซื้อสุทธิในเดือน ก.ค. อยู่ที่ระดับ 446 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับยอดขายสุทธิตั้งแต่ต้นปี 68 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 7.82 หมื่นล้าน มันเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า แรงขายเริ่มแผ่ว! ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้ตลาดหุ้นไทยดีดตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านแรกที่บริเวณ 1,150 จุดอีกครั้งไงล่ะคะ
ถามว่า ทำไมอีฉันถึงเชื่อเช่นนั้น? อีฉันขอตอบว่า ตลาดหุ้นไทยดูดซับข่าวร้ายที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงมากเกินไป จึงเปิดช่องให้นักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ เวียนเข้ามาเล่นเก็งกำไรกันอีกรอบ ผนวกกับตลาดหุ้นต่างประเทศเด้งแรงเป็นช่วง ๆ เลยทำให้ตลาดหุ้นไทยได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นไทยยืนหยัดเหนือระดับ 1,100 จุดได้อย่างยอดเยี่ยม จนตลาดหุ้นไทยอยู่ลักษณะแกว่งตัวขึ้นร่วมเดือนพะยะค่ะ
เมื่อปัจจัยรอบด้านออกไปในทิศทางบวก (รัฐอัดซอฟต์โลนอีก 2 แสนล้าน) และผู้คนยังหวังการเจรจาภาษีทรัมป์จะออกมาดี ดัชนีถึงประคองตัวปิดที่ระดับ 1,143.31จุด บวกไป 22.18 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.36 หมื่นล้านบาทได้อย่างน่าทึ่ง เพราะเป็นการยืนสวนตลาดหุ้นต่างประเทศที่ทิ้งตัวลงแรงแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมรู้สึกดีต่อใจเป็นอย่างมาก เพราะเหมือนเป็นการย้ำความคิดเดิมของอีฉันที่ว่า คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว..อิอิอิ
เหมือนกับสภาพของหุ้นปูนใหญ่ SCC ที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ซื้อกันเป็นแถว ก็มาจากความเชื่อที่ว่า กำไรในปี 68 น่าจะฟื้นตัวแรง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาปิโตรเคมีขยับขึ้น และธุรกิจกระดาษมีกำไรเพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับราคาปูนขึ้น ก็มีส่วนช่วยทำให้ภาพรวมของหุ้นตัวนี้ดีขึ้น หุ้นถึงพยายามเทคตัวผ่านแนวต้าน 180 บาทเป็นครั้งที่ 4 ก่อนจะทำได้แค่ยืนปิดที่ระดับ 179.50 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 704 ล้านบาทแบบนี้..ได้ลุ้นต่อค่ะ
ส่วนรายในรายของ BH อาจมีสภาพไม่สวยเหมือนรายข้างต้น แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นโมเมนตัมที่ดีขึ้น หลังหุ้นพยายามเทคตัวขึ้นไปยืนเหนือแนวต้าน 141 บาท (ทดสอบแล้ว 2 ครั้ง แต่ยังผ่านไม่ได้) “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 144 บาท บวกไป 7.50 บาท หรือขึ้นไป 5.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 748 ล้านบาท น่าสนใจจริง ๆ เพราะราคาที่เห็นเป็นการเทรดบน PE 14.50 เท่า ซึ่งมันต่ำเกินไปสำหรับหุ้นที่ทำกำไรสม่ำเสมอ และมีปันผลตลอดนะจ๊ะ
สำหรับตัวแรงที่กลับมาทวงบัลลังก์ราชาหุ้นสุกี้อย่างหุ้น M ก็เป็นช็อตที่เรียกเสียงฮือฮาได้เยอะจริง ๆ เพราะการส่งไฟต์ติ้งแบรนด์ที่มีการโปรโมตหนักอย่าง “โบนัส สุกี้” เพื่อประกาศท้าชนกับคู่แข่งอย่าง “สุกี้ตี๋น้อย” มันกลายเป็นเกมที่ทำให้หลายคนเชื่อว่า กำไรของสุกี้เอ็มเคจะดีขึ้นเป็นลำดับ วานนี้จึงเห็นการไล่หุ้นดุเดือด จนราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 19.50 บาท บวกไป 2.10 บาท หรือขึ้นไป 12% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 403 ล้านบาทไงล่ะคะ
ในเมื่อเม้าท์ถึงเรื่องดี ๆ ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอมองไปที่น้องท็อป TOP เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 29.50 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 294 ล้านบาท ล้วนเกิดจากการแก้ปัญหามีความคืบหน้าเป็นลำดับ จึงทำให้พวกขาลุยทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตเป็นระยะแบบนี้ เดี๊ยนเลยเชื่อว่า เที่ยวนี้หุ้นน่าจะขึ้นไปยืนเหนือแนวต้าน 30 บาทอย่างมั่นคง..แม้ 2 ครั้งที่ผ่านมาจะยืนไม่สำเร็จนะจ๊ะ
สถานการณ์ข้างต้นทำให้อีฉันอยากเอ่ยถึงหุ้น PSG ขึ้นมาทันที เพราะแรงซื้อที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก จนดันหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1.14 บาท บวกไป 0.17 บาท หรือขึ้นไป 17.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 58 ล้านบาท มันทำให้นักเล่นวาดฝันถึงผลงานไตรมาส 2 น่าจะออกมาดี! แถมยังมีโปรเจกต์ที่เตรียมทยอยปล่อยออกมาเรื่อย ๆ แบบนี้..อีฉันถึงมองเป็นจังหวะของพวกขาลุย ส่วนเรื่องจริงจะออกมาเหมือนกับที่คิดไหม? ต้องติดตามดูตอนต่อไปนะจะบอกให้
โมนิก้าและทีมงาน