ลุ้น MOSHI เทรดวันแรกทะลุ 30 บ. ชูผู้นำค้าปลีกสินค้า “ไลฟ์สไตล์”

จับตา MOSHI เทรดสนั่นวันแรกทะลุ 30 บ. ชูผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ของไทย โบรกคาดกำไรปี 65 เพิ่มขึ้น 55% อานิสงส์ดีมานด์ฟื้น นักท่องเที่ยวเพิ่ม และการเปิดสาขาใหม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (22 ธันวาคม 2565) หลักทรัพย์ บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ จำหน่ายสินค้าที่มีความหลากหลาย ทันสมัยและคุณภาพดี สำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ในราคาย่อมเยา ภายใต้ชื่อทางการค้า “Moshi Moshi” โดยสินค้าที่จำหน่ายส่วนใหญ่เป็นสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัท มีการออกแบบเพื่อจำหน่ายในร้าน Moshi Moshi โดยเฉพาะ เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดพาณิชย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “MOSHI”

สำหรับ MOSHI มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิมจำนวน 240 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 60 ล้านหุ้น โดยการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนครั้งแรกนี้เป็นการเสนอขายจำนวนรวมไม่เกิน 75 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 60 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญที่ถือโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทคือ Winnfield Capital Overseas Company Limited 15 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้มีอุปการคุณของบริษัท ในระหว่างวันที่ 14-16 ธันวาคม 2565 ในราคาหุ้นละ 21 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,260 ล้านบาท และมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 6,300 ล้านบาท มีบริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ

โดย MOSHI มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มครอบครัวบุญสงเคราะห์ ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม ร้อยละ 75

ด้านนายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI เปิดเผยว่า การเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนับเป็นอีกหนึ่งก้าวความสำเร็จและความภูมิใจของ MOSHI ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา MOSHI ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 37.6% และเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ บริษัทมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสินค้าที่มีความหลากหลาย ทันสมัย เน้นคุณภาพ ในราคาที่ย่อมเยา เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลูกค้าต่อไป สำหรับเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำมาช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและส่งเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินรองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคตต่อไป

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และภายหลังการจัดสรรทุนสำรองตามที่กำหนดไว้ตามกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท ทั้งนี้ อาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ สภาพคล่องทางการเงิน และความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อบริหารกิจการ และแผนการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกันบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินคาดการณ์ยอดขายเพิ่มขึ้น 42% ในปี 2565 และ 29% ในปี 2566 เนื่องจากการฟื้นตัวของการบริโภค จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และการเปิดสาขาใหม่ซึ่งบริษัทตั้งเป้าเปิดสาขาจาก 100 สาขาในปัจจุบันเป็นมากกว่า 165 สาขาในปี 2568

ขณะที่ตลาดของสินค้าไลฟ์สไตล์มีแนวโน้มขยายตัวสูง เนื่องจากมูลค่าตลาดมีสัดส่วนเพียง 0.2% ของค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้ากลุ่มค้าปลีกในปี 2564 โดยคาดว่าตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์มี CAGR 20.4% ในปี 2564-2569 การที่ MOSHI เพิ่มสัดส่วนสินค้านำเข้าและได้ผลบวกจากการประหยัดจากขนาดจะทำให้อัตรากำไรสูงขึ้น คาดว่ากำไรปี 2565 และปี 2566 เพิ่มขึ้น 55% และ 53% คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 11.4% และ 13.5% ตามลำดับ

อย่างไรก็ดี MOSHI สมควรมี PE พรีเมียมเมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจที่คล้ายกันซึ่งมี PE ปี 2566 เฉลี่ย 24.8 เท่า เนื่องจาก MOSHI มีอัตรากำไรสูงกว่ากลุ่ม และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรปี 2566 ที่ 53% ซึ่งสูงกว่ากลุ่ม อีกทั้งมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในระยะยาวจากการขยายสาขา และการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยเมื่ออิง PE ปี 2566 ที่ระดับ 27-30 เท่า ราคาเหมาะสมเท่ากับ 28-31.1 บาท ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากิจการเท่ากับ 8,398-9,331 ล้านบาท

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า MOSHI เป็นผู้นำตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ภายใต้ส่วนแบ่งตลาดกว่า 37.6% และสาขามากถึง 100 แห่ง โดยมีจุดเด่นจากแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และอัตราการทากำไรที่สูงกว่าคู่แข่งอย่างมีนัยฯ ซึ่งหนุนความสามารถในการแข่งขัน โดยการเข้าระดมทุน IPO จะช่วยเสริมความสามารถในการเติบโตให้สูงขึ้น คาดกำไรปี 2565-2567 จะเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี หรือ CAGR ที่29.8% ต่อปี จึงประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 28 บาท

Back to top button