KBANK ยืนยันซื้อหุ้นคืนโปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล

"กสิกรไทย" ยืนยันการดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืนเป็นไปตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด พร้อมกำหนดกลไกป้องกันไม่ให้เกิดการเอื้อประโยชน์แก่ผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ดำเนินการผ่านระบบ AOM ที่โปร่งใสและรายงานให้ ธปท. รับทราบแล้ว โดยผู้ถือหุ้นทั่วไปยังสามารถซื้อขายหุ้นได้อิสระ ทั้งนี้ธนาคารยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลและการปกป้องสิทธิผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK แจ้งมติคณะกรรมการธนาคารอนุมัติการดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืนต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเงินกองทุน และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

KBANK ขอเรียนว่า ในการดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ ธนาคารได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 48(4) ได้บัญญัติห้ามมิให้สถาบันการเงิน ขายให้ หรือให้เช่าทรัพย์สินใดๆ แก่กรรมการ ผู้จัดการ รองผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ ผู้ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่ออย่างอื่น ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว หรือรับซื้อ หรือเช่าทรัพย์สินใดๆ จากบุคคลดังกล่าว มีมูลค่ารวมกันสูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจาก ธปท. และธนาคารได้กำหนดกระบวนการ กลไกในการป้องกัน และติดตามเพื่อให้มีการปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายดังกล่าวข้างต้น โดยไม่เอื้อประโยชน์ต่อบุคคลดังกล่าว

ทั้งนี้ ธนาคารได้กำหนดวิธีการซื้อหุ้นคืนด้วยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบซื้อขายของ ตลท. (Automatic Order Matching: AOM) ซึ่งเป็นกระบวนการที่โปร่งใสและไม่เอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใด และได้รายงานให้ ธปท. รับทราบแล้ว

ดังนั้น ธนาคารจึงขอเรียนว่าผู้ถือหุ้นที่มิใช่บุคคลภายในกลุ่มธนาคาร* ยังคงมีสิทธิและยังสามารถใช้ดุลพินิจ โดยอิสระในการที่จะพิจารณาซื้อหรือขายหุ้นของธนาคารได้ตลอดเวลาตามความประสงค์ของผู้ถือหุ้นในการลงทุนธนาคารยังคงยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) โดยให้ความสำคัญกับการปกป้องสิทธิของ ผู้ถือหุ้นทุกคนอย่างเท่าเทียม และเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นทุกราย

Back to top button