“โนมูระ” มอง SET ปีนี้ 1,800 จุด จัด 3 ธีมเด่น เน้นลงทุนระยะกลาง-ยาว

"บล.โนมูระ พัฒนสิน" ประเมินดัชนีปีนี้อยู่ที่ระดับ 1,800 จุด จากกระแสจีนเปิดประเทศ-ฟันโฟลด์ไหลเข้า พร้อมคัด 3 กลุ่มเด่นน่าลงทุน เน้นระยะกลาง-ยาว


บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ มองว่า ระยะสั้นตลาดแรงงานสหรัฐฯยังแข็งแกร่ง ทำให้ประเมินว่า “เฟด” จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อ ถ่วง Sentiment การลงทุนระยะสั้น อย่างไรก็ดี ไทยยังเด่นจากกระแสจีนเปิดประเทศ สอดคล้อง Fund Flow ไหลเข้า 7 วันติดรวม 22,434.39 ล้านบาท หนุน SET เดินหน้าสู่เป้าหมายปี 66 ที่ 1,800 จุด อิง ERP เฉลี่ย 3.06% โดยฝ่ายวิจัยคงน้ำหนักหุ้นไทย 70% พร้อมแนะนำ

1) หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์บาทแข็ง เป็นบวกต่อกลุ่มหนี้ต่างประเทศจะนำตลาดเป็นบวกต่อกลุ่มหนี้ต่างประเทศและนำเข้า ได้แก่ สายการบิน (AAV, BA), โรงไฟฟ้า (GPSC, GULF, BGRIM), พลังงาน (PTTGC, TOP, IVL, PTT), กลุ่มนิคม (AMATA, WHA) กลุ่มนำเข้าสินค้า (TOA, ICHI, SABINA, JUBILE, JMART, COM7, SYNEX, SIS) โดยเน้น AAV ที่ได้ประโยชน์มีนัยฯ ทั้งบาทแข็ง, China reopening, น้ำมันลง รวมถึง GPSC GULF AAV ICHI  

2) หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์ China Reopening ได้แก่ (AOT, AMATA, AWC, AAV, ERW, BAFS, CENTEL, MINT, SNNP, WHA, SCGP, SPA, EKH, MC) และกลุ่ม PETRO (PTTGC, IRPC, SCC)

3) หุ้นกลุ่มเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐฯ ผสานหุ้น Consumer พื้นฐานมั่นคงและได้กระแสบวกความคาดหวังเลือกตั้งใหญ่ในประเทศไทย (CRC, COM7, HMPRO, MAKRO, BJC, CPALL, BBL, M, ADVANC, TRUE, AEONTS, KTC, SC, SIRI, AMATA)

สำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว กลุ่มที่ยังให้เลือกสะสม ให้เน้นไปที่ หุ้นเด่นเดือนม.ค. ได้แก่ AMATA, CRC, GPSC, AP, AAV, BE8, SCGP

ขณะที่หุ้นเด่นในปี 66 ได้แก่ AAV, AOT, AMATA, CPALL, CRC, GPSC, GULF, SCGP, CBG, BAM, BBL ส่วน Mid-Small Cap Play : SPA, ICHI, SAPPE, BE8, ONEE, MC

 

สำหรับหุ้นที่โดดเด่นสุด 2 หลักทรัพย์ ได้แก่

SNNP แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 28 บาท โดยมีมุมมองบวกต่อกำไรไตรมาส 4/65 ที่ 152 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาสก่อน โดยโตได้ดีจากยอดขายทำนิวไฮอีกครั้ง ประกอบกับ GPM ที่ดีขึ้นตามไปด้วย

นอกจากนี้ในปี 66-67 มีการปรับประมาณการกำไรขึ้นเฉลี่ย 17% หลักๆ จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน และรายได้จาก CLMV ที่มีแนวโน้มดีกว่าทีเราคาดไว้เดิม ทั้งนี้ มีการปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 66 ใหม่เป็น 28 บาท อิง DCF (WACC 14.7%, Terminal Growth 2.0%) โดยราคาเป้าหมายใหม่นี้คิดเป็น PEG ปี 66 ที่ราว 1.2 เท่า และหากดู Valuation เทียบกับกลุ่มก็ยังดูน่าสนใจด้วย PEG ปี 66 ที่ 1.0 เท่า เทียบกับกลุ่มที่ 1.4 เท่า

BLA แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 45 บาท โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลง 18% underperform SET กว่า 4% ปัจจัยหลักจาก sentiment bond yield ปรับตัวลง บวกกับแนวโน้มเบี้ยรับรวมที่หดตัวลงจากปีก่อนจากกรมธรรม์ที่ครบกำหนด

อย่างไรก็ตาม BLA เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวสวนทางกับอุตสาหกรรม ล่าสุดตัวเลขเดือน ต.ค. และ พ.ย. 65 เบี้ยรับรวมของทั้งอุตสาหกรรมปรับลดลง 3% และ 5% จากปีก่อน

ขณะที่ BLA เติบโต 10% และ 8% จากปีก่อน หนุน Market share ปรับดีขึ้น ทั้งนี้เบี้ยรวม 11 เดือนของปี 65 ของ BLA ยังหดตัว 0.6% จากปีก่อน แต่ทำได้ดีกว่าอุตสาหกรรมที่ติดลบ 1.0% จากปีก่อน ตัวเลขยังอยู่ในกรอบประมาณการของฝ่ายวิจัย จึงคงประมาณการกำไรปี 65 ที่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน และคาดกำไรไตรมาส 4/65 ที่ราว 650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137% จากปีก่อน แต่ลดลง 31% จากไตรมาสก่อน

Back to top button