AOT ปรับเป้าผู้โดยสารปี 66 ทะลุ 100 ล้านคน ส่ง AOTGA ชิงงานบริการภาคพื้นสุวรรณภูมิ

AOT ปรับเป้าผู้โดยสารปี 66 ทะลุ 100 ล้านคน รับ “จีน” เปิดประเทศ ล่าสุด 6 สนามบินยอดพุ่ง 3 แสนคนต่อวัน หนุนผลงานเทิร์นอะราวด์เต็มตัว ส่ง AOTGA บริษัทร่วมทุน SKY ชิงงานบริการภาคพื้นสุวรรณภูมิ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (9 ม.ค.) เที่ยวบินเที่ยวแรกบินตรงจากเมือง “เซี่ยเหมิน” ถึง “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” เมื่อเวลา 12.19 น. หลังจากที่จีนเริ่มเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เดินทางมารับนักท่องเที่ยวจีนคณะแรกด้วยตัวเอง

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยว่า AOT เตรียมปรับประมาณการจำนวนผู้โดยสารปีงบประมาณ 2566 (ต.ค. 2565-ก.ย. 2566) ขึ้นอีก 5-10% หรือประมาณ 100 กว่าล้านคน จากที่ประมาณการไว้ว่าจะมีผู้โดยสาร 96 ล้านคน หลังจากที่จีนเริ่มเปิดประเทศอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 โดยวานนี้ (9 ม.ค.) ได้มีเที่ยวบินจากจีน ซึ่งถือเป็นเที่ยวบินแรกหลังการเปิดประเทศเดินทางมายังไทย โดยเดินทางมาจากเมืองเซี่ยเหมิน ด้วยสายการบิน Xiamen Airlines เที่ยวบิน MF833 ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 12.19 น. มีผู้โดยสาร 269 คน และรวมแล้ววานนี้มีเที่ยวบินขาเข้าจากจีนรวม 15 เที่ยวบิน จำนวนผู้โดยสารทั้งสิ้น 3,465 คน

ขณะที่ ช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะถึงนี้ พบว่าระหว่างวันที่ 18-22 มกราคม 2566 มีสายการบินจากจีนแจ้งทำการบินมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้วกว่า 380 เที่ยวบินต่อวัน มีผู้โดยสารรวมประมาณ 100,000 คน อีกทั้งล่าสุดท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT มีผู้โดยสารเฉลี่ยที่ 300,000 คนต่อวันแล้ว ขณะที่ปี 2562 ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 AOT มีผู้โดยสาร 6 ท่าอากาศยานเฉลี่ยที่ 400,000 คนต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นการฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็วมาก

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจีนเพิ่งเปิดประเทศ จึงยังต้องรอดูสถานการณ์อีกระยะว่าจำนวนผู้โดยสารจะมากกว่าที่ประมาณการไว้จริงหรือไม่ ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ที่บรรดาสายการบินจะต้องยืนยันตารางการบินฤดูร้อนที่จะเริ่มประมาณปลายเดือนเมษายนเป็นต้นไป

สำหรับปัญหากระเป๋าสัมภาระล่าช้าที่พบก่อนหน้านี้ กระทรวงคมนาคมได้เร่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ปัจจุบันพบว่าค่าเฉลี่ยเวลาในการลำเลียงกระเป๋าสัมภาระจากเครื่องบินจนถึงผู้โดยสาร First bag ใช้เวลาเฉลี่ย 27 นาที และ Last bag ใช้เวลาเฉลี่ย 44 นาที ซึ่งมีความรวดเร็วขึ้น

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อเปิดประมูลจัดหาบริษัทที่ 3 นอกเหนือจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI และบริษัท บางกอกไฟลท์ เซอร์วิสเซส จำกัด (BFS) ที่ให้บริการงานภาคพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในปัจจุบัน ซึ่งเป็นแผนการแก้ปัญหาแบบเร่งด่วนของกระทรวงคมนาคม หากครม.เห็นชอบ AOT ก็จะเร่งเปิดประมูลและคาดว่าได้ตัวผู้รับงานประมาณเดือนเมษายน 2566 โดยบริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด หรือ AOTGA (AOT ถือหุ้น 49% และบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ถือหุ้นใน AOTGA ผ่านบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ SAL อีก 51%) ก็จะเข้าร่วมประมูลในครั้งนี้ด้วย

ด้านนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ หรือ สศช. กล่าวว่า สภาพัฒน์เตรียมปรับประมาณการนักท่องเที่ยวในปี 2566 นี้ใหม่ เนื่องจากประมาณการเดิมตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งปีอยู่ที่ 23 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท เป็นการคาดการณ์ก่อนประเทศจีนประกาศเปิดประเทศ ซึ่งเดิมสศช.เชื่อว่าประเทศจีนจะเปิดประเทศในช่วงครึ่งหลังปี 2566 แต่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงตลอด และเริ่มเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา จึงขอดูตัวเลขอีกสัก 2-3 สัปดาห์ จึงจะเตรียมปรับประมาณการตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น พร้อมพิจารณาสัดส่วนการขยายตัวจีดีพีภาคท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ขณะที่จีดีพีภาคส่งออกเกิดการชะลอตัวในบางสินค้า โดยจะแถลงข่าวในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาสศช.ได้ประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้อยู่ที่ 3-4%

“หลายคนเป็นห่วงว่านักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศจีน ไทยจะรับมือกับปัญหาโควิดได้หรือไม่นั้น ผมก็อยากให้ทุกฝ่ายคลายความกังวล และดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังด้านสาธารณสุข เพราะคนไทยฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 70% มีตั้งแต่ 2-3 เข็มขึ้นไป และมีหลายคนฉีด 4-5 เข็มไปแล้ว การท่องเที่ยวเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจไทยทั้งปีนี้และปีหน้า กระทรวงสาธารณสุขก็เพิ่งออกมาตรการ ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้กับทุกคน นักท่องเที่ยวทุกประเภท

สอดรับกับมาตรการของประเทศต้นทางด้วย ก็เป็นช่วงโอกาสดีที่ภาคธุรกิจจะกลับมาฟื้น เพราะภาคการท่องเที่ยวเชื่อมโยงห่วงโซ่ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกต่าง ๆ ทำให้คนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น ภาคการส่งออกชะลอในสินค้าบางประเภทที่เกี่ยวข้องกำลังซื้อของต่างประเทศ แต่อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการส่งออกอาหารยังเติบโตดี โดยภาคการท่องเที่ยวถือเป็นภาคที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” เลขาธิการ สศช. กล่าว

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด คาดว่า กำไรสุทธิของ AOT ในไตรมาสแรก (ต.ค.-ธ.ค. 2565) จะพลิกกำไร 159 ล้านบาท หลังจากขาดทุนมาโดยตลอดตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้แรงหนุนจากจำนวนผู้โดยสารในประเทศและต่างประเทศที่ฟื้นตัว หนุนรายได้สัมปทานให้ฟื้นตัวด้วยเช่นกัน

ส่วนการเปิดประเทศของจีนจะเป็น Upside โดยหากอิงปี 2562 นักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ของรายได้ผู้โดยสารของ AOT คาดว่าจะหนุนให้กำไรสุทธิงวดปี 2566-2567 เร่งตัวอย่างมีนัยเป็น 1.3 หมื่นล้านบาท และ 3.3 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ สูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท จากจำนวนผู้โดยสารที่จะกลับไปเท่าก่อนโควิด-19 ในปี 2567 และผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี หรือ Minimum Guarantee จากบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชันแนล หรือ King Power ที่เพิ่มขึ้นในเดือน เม.ย. 2566 เป็น 233 บาทต่อผู้โดยสาร จากเดิมที่ 90 บาทต่อผู้โดยสาร

นอกจากนี้ ยังมี Upside จากสนามบินใหม่ 3 แห่งทั้งอุดรธานี บุรีรัมย์ และกระบี่ ที่มีโอกาสถูกโอนมาให้ AOT ในครึ่งปีแรกปี 2566 ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี ราคาเป้าหมาย 85 บาท แนะนำ “ซื้อ”

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากจีนเปิดประเทศ ได้แก่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.20 บาท คาดว่าจะได้ประโยชน์จากรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนสูงสุดในกลุ่มที่ 12% ขณะที่อัตราการเข้าพักในโรงแรมขนาดกลางและระดับประหยัดอยู่ที่ราว 60% ซึ่งยังมีความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวจีนได้มากอยู่

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 82.00 บาท โดยสถานการณ์ปกติสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน 15%

บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท ได้ผลบวกจากแนวโน้มเที่ยวบินจีนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะหนุนปริมาณเติมน้ำมันอากาศยาน โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากเที่ยวบินจีนราว 10-15%

บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.70 บาท จากจำนวนผู้โดยสารจีนเพิ่มขึ้น และมีโอกาสที่จีนจะเพิ่มโควตาเที่ยวบินเพิ่มในอนาคต โดยสถานการณ์ปกติสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยว 25%, บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA โดย Bloomberg ให้ราคาเป้าหมายที่ 11.82 บาท เพราะมีสัดส่วนรายได้จากจีน 50-55%

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุหุ้นที่ได้รับโยชน์จากการเปิดประเทศของจีนมากสุดคือกลุ่มเปิดเมือง (ท่องเที่ยว-ห้าง) อาทิ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV, บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)  หรือ SPA, บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ VRANDA

บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) มองว่า จีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาดช่วยหนุน GDP ไทยเร่งสู่ 4.4% จากเดิมคาด 3.8% ส่วนหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์ China Reopening จะนำตลาด อาทิ AOT, บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA, บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC, AAV, ERW, บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS, CENTEL, MINT, บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP, บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA, บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP และ SPA

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในปี 2566 คาดว่ากำไรรวมของกลุ่มค้าปลีกจะเติบโตแข็งแกร่ง 34% จากปี 2565 เป็น 58,700 ล้านบาท จากแรงหนุนจากการเติบโตของยอดขายที่แข็งแกร่งจากการท่องเที่ยว และการบริโภคในต่างจังหวัด รวมถึงการขยายสาขาเชิงรุกของผู้ค้าปลีกหลายราย

ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 แตะ 5.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 85,000 คนในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 4/2565 น่าจะช่วยหนุนการบริโภคในประเทศช่วงไตรมาส 1/2566 จึงแนะนำหุ้นเด่นกลุ่มค้าปลีก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ให้ราคาเป้าหมาย 71.60 บาท และบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ให้ราคาเป้าหมาย 46.60 บาท

Back to top button