“ดาวโจนส์” ปิดบวก 330 จุด รับแรงซื้อเก็งกำไรหลังร่วง 3 วันติด

ดาวโจนส์ปิดบวก 330.93 จุด รับแรงซื้อเก็งกำไรหลังร่วง 3 วันติด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นมากกว่า 2% ขณะที่การเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสได้ช่วยหนุนหุ้นเน็ตฟลิกซ์ และหุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลปรับตัวขึ้นหลังประกาศปรับลดพนักงาน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (20 ม.ค.66) จากแรงซื้อเก็งกำไรหลังร่วงลง 3 วันติดต่อกัน และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นมากกว่า 2% ขณะที่การเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสได้ช่วยหนุนหุ้นเน็ตฟลิกซ์ และหุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลปรับตัวขึ้นหลังประกาศปรับลดพนักงาน

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,375.49 จุด เพิ่มขึ้น 330.93 จุด หรือ +1.00%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,972.61 จุด เพิ่มขึ้น 73.76 จุด หรือ +1.89% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,140.44 จุด เพิ่มขึ้น 288.17 จุด หรือ +2.66%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 2.7% และดัชนี S&P500 ลดลง 0.66% แต่ดัชนี Nasdaq บวก 0.55% โดยดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ฟื้นตัวขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไรหลังจากร่วงลง 3 วันติดต่อกัน

สำหรับหุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 8.46% หลังเปิดเผยว่าจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในไตรมาส 4 และระบุว่านายรีด แฮสติ้งส์ ผู้ร่วมก่อตั้งจะลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ โดยเน็ตฟลิกซ์รายงานผลกำไรรายไตรมาสออกมาในขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเติบโตเผชิญกับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ และความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งทำให้บริษัทต่างๆ อาทิ ไมโครซอฟท์ และอะเมซอน ต้องปลดพนักงานหลายพันคน

ส่วนหุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 5.34% หลังเป็นบริษัทรายล่าสุดที่ประกาศปรับลดพนักงาน 12,000 ตำแหน่ง

ขณะที่หุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร พุ่งขึ้น 3.96% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายวันมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. และปรับตัวขึ้นมากที่สุดในหุ้น 11 กลุ่มของดัชนี S&P500

สำหรับในปี 2565 หุ้นกลุ่มเติบโต อาทิ กลุ่มบริการด้านการสื่อสาร ปรับตัวย่ำแย่ที่สุด และปรับตัวลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนย้ายไปลงทุนในหุ้นที่ให้เงินปันผลสูง

ด้าน เคน โพลคารี นักวิเคราะห์ของเคซ แคปิตอล แอดไวเซอร์สในรัฐฟลอริดาระบุว่า “ตลาดปรับตัวขึ้นอาจเป็นเพราะอยู่ในภาวะที่มีแรงเทขายมากเกินไปในช่วง 3 วันที่ผ่านมา และมีการเข้าซื้อเก็งกำไร”

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความเห็นของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันศุกร์ที่ระบุว่า เฟดอาจใกล้ถึงจุดที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการชะลอเงินเฟ้อ โดยตลาดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประกาศผลการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 1 ก.พ.66

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐแสดงสัญญาณของการชะลอตัว และอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย

นอกจากนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 1.5% สู่ระดับ 4.02 ล้านยูนิตในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2553 แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.96 ล้านยูนิต โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านดิ่งลง 34.0% ในเดือนธ.ค. โดยยอดขายบ้านมือสองได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาบ้านและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง

ส่วนข้อมูลจากรีฟินิทิฟคาดว่า ผลประกอบการของบริษัทในดัชนี S&P500 จะลดลง 2.9% ในไตรมาส 4/2565 เมื่อเทียบเป็นรายปี และเมื่อเทียบกับการลดลง 1.6% ในช่วงต้นปี และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 2.54% สวนทางตลาด หลังวอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เฟดกำลังตรวจสอบธุรกิจที่เกี่ยวกับผู้บริโภคของโกลด์แมน แซคส์

Back to top button