PLANB-VGI ท็อปพิก! รับธุรกิจ “สื่อนอกบ้าน” โตแกร่ง

โบรกมองปี 66 ธุรกิจสื่อนอกบ้านเติบโตต่อเนื่อง โดยจะชิงส่วนแบ่งตลาดจากสื่อทีวีได้มากขึ้นในอีกสามปีข้างหน้าจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตนอกบ้านของคนไทย ชู PLANB-VGI ท็อปพิก รับอานิสงส์เต็มๆ จากการที่ยอดโฆษณาสื่อเพิ่มขึ้น


สัญญาณสถานการณ์โควิดจะคลี่คลายลง หลังจากรัฐบาลเปิดประเทศ ทำให้การบริโภคในประเทศฟื้นตัวต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น รวมทั้งมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายต่างๆ ส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ด้านนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองหุ้นกลุ่มมีเดียดีต่อเนื่อง หลังคลายกังวลโควิดมองว่าปี 2566 โฆษณาฟื้นตัว ขณะที่ทีวียังครองส่วนแบ่งเม็ดเงินโฆษณามากที่สุด เพราะปรับกลยุทธ์ขยายแพลตฟอร์มไปทางกลุ่มสื่อออนไลน์เพิ่ม รวมถึงกลุ่มสื่อนอกบ้าน ส่วนสื่อโรงภาพยนตร์และนอกบ้านเติบโตมากสุดจากปีก่อน

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าปี 2566 อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาจะเติบโตขึ้นประมาณ 5% ประกอบกับเทคโนโลยีของสื่อที่พัฒนาขึ้นและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้น มีมุมมองอุตสาหกรรมสื่อปี 2566 คาดการณ์เม็ดเงินโฆษณามีมูลค่ารวม 124,362 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เทียบจากปี 2565 เมื่อดูตามประเภทสื่อ รวมถึงกลุ่มที่น่าจับตามองในปีนี้ คือ สื่อนนอกบ้าน และรองลงมาคือสื่อออนไลน์

สอดคล้องกับนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยอดโฆษณารวมลดลงเหลือ 8.52 พันล้านบาทในเดือนธันวาคม ลดลง 3% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา และลดลง 2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยยอดโฆษณาที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา เป็นเพราะยอดโฆษณาของสื่อเกือบทุกกลุ่มลดลง ได้แก่ TV ลดลง 3%, โรงภาพยนตร์ลดลง 13% และ OOH ลดลง 1%

ขณะที่ยอดโฆษณาที่ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นเพราะสื่อ TV ลดลง 13% และโรงภาพยนตร์ ลดลง 13% อย่างไรก็ตาม ยอดโฆษณาสื่อ OOH สวนกระแสอุตสาหกรรมสื่อ โดยเติบโตถึง 56% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณายอดโฆษณาเต็มไตรมาสในไตรมาส 4/2565 พบว่าสื่อ OOH เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่สามารถเติบโต 68% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 21% ในขณะที่สื่อ TV ลดลง 9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 4% จากไตรมาสก่อนหน้า

ส่วนสื่อโรงภาพยนตร์ยังเพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า ลดลง 0.2%คาดว่ารายได้ของสื่อ OOH จะเพิ่มขึ้นในอีกสองสามปีข้างหน้ายอดโฆษณาในไตรมาส 4/2565 ตอกย้ำมุมมองด้านบวกของเราต่อสื่อ OOH และมุมมองด้านลบต่อสื่อ TV โดยจากรายงานของ Nielsen ยอดโฆษณาสื่อ OOH ในปี 2565 เพิ่มขึ้นถึง 46% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนยอดโฆษณาสื่อ TV กลับลดลง 2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนแม้ว่าปี 2565 จะเป็นปีที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์โรคระบาด

ทั้งนี้ แม้ว่ายอดโฆษณาของสื่อ OOH ในปี 2565 จะเติบโตอย่างโดดเด่น แต่เรายังคงคาดว่ายอดโฆษณาสื่อ OOH จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอีกสามปีข้างหน้า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวของปัจจัยพื้นฐาน โดยคนไทยนิยมดูTV น้อยลง และใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งตลาดของสื่อ OOH ในประเทศไทยยังน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชีย อย่างเช่นสิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งผู้คนใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากกว่าที่จะอยู่ในบ้าน และดู TV จากส่วนแบ่งตลาดของสื่อ OOH ในประเทศไทยอยู่ที่ 15% ในขณะที่สิงคโปร์อยู่ที่ 17% และฮ่องกงอยู่ที่ 20%

โดยทางฝ่ายนักวิเคราะห์ยังคงเลือกหุ้นเด่น คือ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB และ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI รับอานิสงส์จากยอดสื่อโฆษณาเพิ่มมากขึ้น

โดยทางฝ่ายนักวิเคราะห์มีมุมมองบวกต่อ PLANB ว่าผลประกอบการยังมีแนวโน้มแข็งแกร่ง คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/2565 จะอยู่ที่ 208 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้าตาม UR ที่เพิ่มขึ้น ประเมินว่าโมเมนตัมของกำไรจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องในปี 2566 จากการที่ UR เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 9.10 บาท เพราะจะได้อานิสงส์อย่างเต็มที่จากการที่สื่อนอกบ้าน OOH อยู่ในขาขึ้น และชิงส่วนแบ่งตลาดมาได้มากขึ้น อีกทั้งมองว่าเป็นหุ้น pure play สำหรับสื่อ OOH

นอกจากนี้ยังคงมีมุมมองต่อหุ้น VGI  มองว่าหลังจากที่บริษัทมีผลขาดทุนจากธุรกิจหลักติดต่อกันมาหลายไตรมาสเราคาดว่าบริษัทน่าจะเริ่มพลิกฟื้น ได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2566 เป็นต้นไป โดยจะได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในธุรกิจ OOH เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า BTS เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จึงคาดว่า UR จะเพิ่มขึ้น พร้อมแนะนำซื้อราคาเป้าหมายที่ 5.50 บาท

Back to top button