ลุ้น 3 หุ้นไก่วิ่งคึก! รับกระแส “เนื้ออกแปรรูป” ฮอตในจีน หนุนส่งออกพุ่ง

ตลาด “เนื้ออกไก่แปรรูปพร้อมรับประทาน” ในจีนมีการเติบโตมากขึ้นในร้านสะดวกซื้อ และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื้ออกไก่กลายเป็นทางเลือกในการทดแทนอาหารมื้อหลัก หรืออาหารสุขภาพลดความหิว


นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้มอบหมายให้กรมฯ สำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยในประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดได้รับข้อมูลจาก นางสาวนันท์นภัส งามแม้น ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน ถึงผลการสำรวจตลาดเนื้ออกไก่แปรรูปพร้อมรับประทานในตลาดจีน และโอกาสการส่งออกสินค้าดังกล่าวของไทย

โดยทูตพาณิชย์ได้รายงานสถานการณ์สินค้าตลาดเนื้อไก่ในจีนว่าเมื่อเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อในเมืองปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว พบว่า บนชั้นวางสินค้าอาหารแช่เย็น มักจะพบสินค้าที่มีส่วนผสมของเนื้ออกไก่หลากหลายชนิดและหลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบชิ้นเนื้ออกไก่ ไส้กรอก และลูกชิ้น เป็นต้น ที่นำมาวางให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้ออย่างหลากหลาย และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื้ออกไก่กลายเป็นทางเลือกในการทดแทนอาหารมื้อหลัก หรืออาหารสุขภาพลดความหิว

สำหรับการแข่งขันในตลาดเนื้ออกไก่แปรรูปแบบพร้อมรับประทาน มีประเภทและรูปแบบย่อยที่หลากหลาย แต่ปัจจุบันการแข่งขันเนื้ออกไก่แปรรูปแบบพร้อมรับประทานในตลาดจีนมี 2 ประเภทหลัก ได้แก่

1.แบรนด์ Skark Fit (www.sharkfit.net) เป็นแบรนด์ต้นแบบด้านอาหารเพื่อสุขภาพที่ครองส่วนแบ่งในตลาดออนไลน์สูง

2.แบรนด์ผู้ผลิตเนื้อไก่ชั้นนำดั้งเดิม อย่างแบรนด์ Fovo Foods , Sunner , และ Spring snow เป็นต้น และแบรนด์ดังด้านอาหาร อาทิ KFC, Mcdonald’s รวมไปถึงแบรนด์ KEEP, Lefit, Be & Cheery เป็นต้น ต่างก็ผันตัวเข้ามาในตลาด เนื้ออกไก่แปรรูปแบบพร้อมรับประทานมากขึ้น

นายภูสิต กล่าวว่า อุตสาหกรรมการแปรรูปเนื้อไก่พร้อมรับประทานแบบเชิงลึกในจีนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นจึงยังมีช่องว่างและโอกาสในการพัฒนาสินค้าในอุตสาหกรรม ซึ่งประเทศไทยส่งออกเนื้อไก่ไทยไปยังตลาดจีนยังคงมีทิศทางในเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ศุลกากรแห่งชาติจีนได้ประกาศรับรองการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตและแปรรูปสัตว์ปีกไทยแล้วจำนวน 23 ราย เนื้อสัตว์ที่จีนอนุญาตให้นำเข้าจากประเทศไทย มีเป็นเนื้อไก่แช่แข็งและเนื้อเป็ดแช่แข็ง ซึ่งไม่สามารถยื่นขึ้นทะเบียนโดยตรงกับศุลกากรจีนแต่ให้ยื่นผ่านหน่วยงานกรมปศุสัตว์ของประเทศไทย

“การเข้าสู่ตลาดเนื้ออกไก่แปรรูปพร้อมรับประทาน ผู้ประกอบการไทยต้องเพิ่มการวิจัยพัฒนาการแปรรูปสินค้าเนื้อไก่ในรูปแบบเดิม ให้เป็นสินค้าแปรรูปเชิงลึกแบบใหม่ที่มีความหลากหลาย มีประโยชน์ และสร้างมูลค่าเพิ่มในด้านต่าง ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์จะเป็นการขยายช่องทางตลาด และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ประกอบกับเทรนด์การรักสุขภาพ บริโภคของดีมีประโยชน์ และเทรนด์การออกกำลังกาย สร้างกล้ามเนื้อ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนโอกาสการส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้ของไทยเพื่อเจาะเข้ากลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ได้มากยิ่งขึ้น” นายภูสิต กล่าว

ทั้งนี้ จากประเด็นดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลดีกับหุ้นส่งออกไก่อย่าง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF, บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT และ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ที่มีการส่งออกเนื้อไก่ไปยังประเทศจีน

ขณะที่ก่อนหน้านี้ บล.เมย์แบงก์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ CPF ว่า แม้ราคาหมูและไก่ในปี 66 มีแนวโน้มลดลงจากฐานสูงในปีก่อน แต่การฟื้นตัวของอุปสงค์จากการเปิดประเทศ ปริมาณหมูยังคงขาดแคลน และการส่งออกไก่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะหนุนให้ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศยังอยู่ในระดับสูง

ส่วนราคาหมูในเวียดนามและจีนคาดว่าได้ผลบวกจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน คาดอัตรากำไรขั้นต้นปี 66 ลดลง 84 bps เป็น 13.4% จากราคาเนื้อสัตว์ที่ลดลง แต่จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและการเพิ่มประสิทธิภาพดำเนินงาน รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น จะหนุนให้กำไรปีนี้เติบโตได้ 16%

ทั้งนี้ประเมินว่าส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 58% เป็น 5.7 พันล้านบาท จากการเติบโตของ CPALL ขณะที่ HyLife มีแนวโน้มขาดทุนลดลงหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจ และ CTI จะฟื้นตัวขึ้นจากราคาหมูที่ฟื้นตัว

Back to top button