BC รุก “กัญชาออร์แกนิค” ครบวงจร ดันดีมานด์ปี 66 แตะ 120 ล้านบาท

“BC” ตั้งเป้าจะขยายร้านค้าปลีกกัญชาทางการแพทย์ ให้ได้ถึง 20 สาขาในปี 2566 มุ่งเน้นทำธุรกิจแบบครบวจรตั้งแต่เริ่มปลูกจนสกัดและนำไปถึงมือลูกค้า มั่นใจสร้างรายได้รวม 120 ล้านบาทต่อปี


นายปรับ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC  ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และดำเนินธุรกิจกัญชาทางการแพทย์  เปิดเผยภายหลังการนำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมพื้นที่ปลูกกัญชา ซึ่งดำเนินการภายใต้ บริษัท บีสโปค ไลฟ์ ไซเอนซ์ จำกัด บริษัทในเครือของ BC ที่ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (RMUTL) จ.น่าน ว่า โรงเรือนปลูกกัญชาที่ บีสโปค ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ถือเป็นการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนากัญชงและกัญชาในประเทศไทย

โดย BC ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้สามารถนำเข้าสายพันธุ์กัญชาได้ถึง 41 สายพันธุ์ จำนวน 398 เมล็ด และคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีที่สุดเพื่อเป็นต้นแบบในการปลูกกัญชาต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในระบบปิดที่นำเทคโนโลยีจากต่างประเทศเข้ามาใช้ในขั้นตอนการควบคุม เพื่อให้ได้ดอกกัญชาที่มีสาร THC เพื่อนำไปใช้ทางการแพทย์ และสาร  CBD เพื่อนำไปใช้เชิงพาณิชย์

ทั้งนี้ หลังจากได้เริ่มขยายธุรกิจกัญชาทางการแพทย์ ในปี 2563 ที่ผ่านมาจะได้เห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจใหม่ และในปี 2565 ได้พิสูจน์แล้วว่าบริษัทนั้น ประสบความสำเร็จในการเปิดร้านค้าปลีกกัญชาทางการแพทย์ย่านเศรษฐกิจสำคัญ จำนวน 3 สาขานำร่อง ภายใต้แบรนด์ “KANA” หรือ “คณา” โดยสาขาแรกร้าน KANA PURE ที่ โจโน่ แบงคอก สาขาที่ 2 คณาคลินิกการแพทย์แผนไทย (KANA Wellness Clinic) ที่ซัมเมอร์พ้อยท์ และสาขาที่ 3 ร้าน KANA PURE ที่ซอยสุขุมวิท 11 ซึ่งบริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการด้านกัญชาอย่างครบวงจรตั้งแต่การนำเข้าเมล็ดพันธุ์ จนถึงการส่งมอบให้แก่ผู้บริโภค ทั้งนี้การเปิดร้านค้าปลีกกัญชาในแบรนด์ คณาเพียว และการเปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ในแบรนด์ คณาคลินิกการแพทย์แผนไทย ได้มีแพทย์เฉพาะทางให้คำปรึกษาสำหรับผู้เข้ามาใช้บริการด้วย

โดยปัจจุบัน BC เป็นบริษัทที่สามารถเปิดร้านค้าปลีกกัญชาที่ไร้สารปนเปื้อนคุณภาพสูง มีสายพันธุ์กัญชาที่มีคุณภาพ และขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้เดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา สามารถแตะจุดคุ้มทุน (break-even) ที่ระดับสาขาได้ทันที จึงมองว่าธุรกิจกัญชาจะเป็นก้าวสำคัญที่สามารถสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้แก่ BC ในการสร้างรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องในอนาคต

พร้อมกันนี้ตั้งเป้าหมายในปี 2566 รายได้จากธุรกิจกัญชาจะเติบโตแบบเท่าตัว และมุ่งเน้นเดินหน้าขยายสาขาในทำเลศักยภาพเป็นจำนวน 20 สาขา มุ่งมั่นในการพัฒนาศูนย์สุขภาพแห่งอนาคต เชื่อมโอกาสไปสู่อุตสาหกรรมการให้บริการด้านสุขภาพ (Wellness Hospitality) ของ BC ซึ่งภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ บีสโปค มีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ ที่นำไปทำเป็นยาตามตำหรับยาแพทย์แผนไทย เพื่อใช้ในการรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม

นายปรับ ยอมรับว่า หลังจากที่รัฐสภา ไม่สามารถพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)กัญชงกัญชาพ.ศ.. ได้ อาจทำให้กระทบต่อธุรกิจกัญชาของภาคเอกชน เนื่องจากความไม่แน่นอนของรัฐบาลที่จะมาหลังการเลือกตั้ง อาจจะส่งผลกระทบต่อ BC บ้าง แต่ได้เตรียมแผนรับมือไว้แล้ว แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ธุรกิจกัญชายังเดินหน้าต่อไม่ว่า พรรคการเมืองใดจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากภาคเอกชนได้ลงทุนไปจำนวนมากแล้ว แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

ขณะที่ Mr.Darren White – Managing Director บริษัท บีสโปค ไลฟ์ ไซเอนซ์ จำกัด (บีสโปค) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า  ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 360 ต้น และตอนนี้อยู่ในช่วงการขยายโรงเรือนที่สาม ซึ่งมีกำลังในการผลิตอยู่ที่ 900 ต้น ที่จะทำให้สามารถสร้างกำลังผลิตรวมได้ถึง 1,260 ต้น และส่งผลให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 100 กิโลกรัมต่อไตรมาส เพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบส่งสินค้าที่มีคุณภาพ และส่งต่อไปยังปลายน้ำในสาขาต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนตามแผนที่จะเปิด 20 สาขา ภายในปี 2566 โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ต่อสาขา เฉลี่ยอยู่ที่ 5 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาทต่อสาขาต่อเดือน ซึ่งพอเปิดครบ 20 สาขา ก็คาดว่าจะสามารถทำรายได้สูงถึง 120 ล้านบาทต่อปี จึงมั่นใจว่าธุรกิจกัญชาจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจของ BC ได้อย่างมีนัยสำคัญ

Back to top button