BC บวกต่อ 4% รับข่าวจับมือ Accor ลุยบริหาร 3 แบรนด์โรงแรม เสริมแกร่งพอร์ตธุรกิจ

BC บวกต่อ 4% ตอบรับข่าวลงนามร่วมกับ Accor เดินหน้าบริหาร 3 แบรนด์โรงแรมระดับโลก “เมอเวนพิค-เมอร์เคียว-แฮนด์ริทเทน คอลเลกชั่น” หวังเสริมแกร่งพอร์ตธุรกิจ Hospitality และสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ก.ค. 68) ราคาหุ้น บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC ณ เวลา 10:32 น. อยู่ที่ระดับ 0..97 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 4.30% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 0.97 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 0.95 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.02 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้น BC ปรับตัวขึ้นตอบรับข่าว บริษัทฯ ลงนามร่วมกับ “Accor” เดินหน้าบริหาร 3 แบรนด์โรงแรมระดับโลก “เมอเวนพิค-เมอร์เคียว-แฮนด์ริทเทน คอลเลกชั่น” หวังเสริมแกร่งพอร์ตธุรกิจ Hospitality และสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง

นายปรับชะรันซิงห์ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BC เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาแฟรนไชส์ร่วมกับ “แอคคอร์ (Accor)” ผู้นำระดับโลกด้านธุรกิจโรงแรมและการบริการ เพื่อรับสิทธิ์บริหาร 3 แบรนด์ระดับนานาชาติ ได้แก่ 1.แบรนด์ เมอเวนพิค (Mövenpick) คือ 1.โรงแรม Mercure Phuket Patong Journeyhub, 2.แบรนด์ เมอร์เคียว (Mercure) คือ โรงแรม JonoX Sukhumvit 5-Handwritten Collection และ 3.แบรนด์ แฮนด์ริทเทน คอลเลกชัน (Handwritten Collection) คือโรงแรม Mövenpick Resort Kamala Beach Phuket ภายใต้สัญญาแฟรนไชส์ โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดตัวโรงแรมใหม่ทั้ง 3 แห่ง ในปี 2568-2570 ซึ่งจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตธุรกิจ Hospitality ของ BC และสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง

“ความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำบทบาทของ Accor ในฐานะพันธมิตรผู้ให้สิทธิ์แฟรนไชส์ (Franchisor) และยกระดับ BC สู่การเป็น Third Party Operator (TPO) อย่างเป็นทางการ ซึ่งมีเพียงไม่กี่บริษัทที่ได้รับความไว้วางใจให้ดำเนินการภายใต้บทบาทนี้ สะท้อนศักยภาพความเชี่ยวชาญของ BC ในการบริหารโรงแรมตามมาตรฐานสากล และไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอโรงแรมของเราเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ และต่อยอดกระแสรายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต” นายปรับชะรันซิงห์ กล่าว

ทั้งนี้ Accor คือ ผู้นำระดับโลกในธุรกิจโรงแรมและการบริการ ด้วยพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ที่แข็งแกร่งและหลากหลาย พร้อมการเติบโตที่โดดเด่นในทุกเซ็กเมนต์ในเอเชีย Accor ยังคงเร่งขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งพัฒนาเชิงกลยุทธ์ในกลุ่มโรงแรมระดับมิดสเกลและพรีเมียม ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีพันธมิตรที่มีศักยภาพ ความเชี่ยวชาญด้านการบริการ และเครือข่ายการจัดจำหน่ายระดับโลกเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ BC ในการพัฒนาสินทรัพย์เสริมพอร์ตธุรกิจ Hospitality ที่สร้างรายได้จากการดำเนินงาน และค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการอย่างเต็มศักยภาพ (Management Fee) และมีมูลค่าเพิ่มในระยะยาว

นอกจากนี้ การลงนามในครั้งนี้ยังถือเป็นการประกาศสถานะอย่างเป็นทางการของ BC ในฐานะ Third Party Operator (TPO) ของ Accor สะท้อนถึงระดับความเชี่ยวชาญในการบริหารโรงแรมของ BC ที่ได้รับการยอมรับตามมาตรฐานระดับโลก ทั้งด้านการบริหารงาน, การตลาด, การจัดการรายได้ และการสร้างประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) อย่างเต็มประสิทธิภาพสอดรับมาตรฐานการบริหารจัดการและการให้บริการกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก

Back to top button