PRIME ชนะประมูล 4 โรงไฟฟ้าหมุนเวียน 87.96MW ย้ำเป้าปี 70 กำลังผลิต 1,800MW

PRIME ชนะประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 4 โครงการ กำลังผลิตรวม 87.96MW กางแผนปี 67 ลงทุนขยายโรงไฟฟ้าในเอเชียไม่ต่ำกว่า 800MW ย้ำเป้าปี 70 กำลังผลิต 1,800MW


นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยนายพิรุณ ชินวัตร ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME แจ้งว่า PRIME ชนะการประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนจำนวน 4 โครงการ ในโครงการโซลาร์บวกแบตเตอรี่ 2 โครงการ ประมาณ 72.26 เมกะวัตต์ และโซล่าร์ฟาร์ม 2 โครงการ ประมาณ 25 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 87.96 เมกะวัตต์

โดย PRIME วางเป้าหมายระยะกลางไว้ภายในปี 2567 จะมีการลงทุนและก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ซึ่งรวมถึงโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานสะอาดอื่นๆ ทั่วเอเชีย ไม่น้อยกว่า 800 เมกะวัตต์ หรือ มีกำลังการผลิตเติบโตขึ้นกว่า 2.6 เท่าจากปัจจุบัน และเป้าหมายระยะยาว 5 ปีข้างหน้าเติบโตราวร้อยละ 500 จากกำลังการผลิตปัจจุบัน โดยแต่ละปีคาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นราว 200-400 เมกะวัตต์  การดำเนินการเพื่อบรรลุตามแผนงานระยะสั้นดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้

1.การลงนามสัญญากับ Taiwan Power Company ที่ประเทศไต้หวัน ทำให้ PRIME สามารถขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ตรงกับภาคเอกชน (Corporate PPA) ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ซึ่งค่าไฟฟ้าดังกล่าวจะได้รับรายได้มาก กว่า รายได้จะโตขึ้นร้อยละ 20-30 ในปัจจุบันลูกค้าเป้าหมาย คือ TSMC  Chunghwa Tele. E sun Bank  Acer  EVA AIR Scania  IKEA เป็นต้น

2.การร่วมลงทุนบริษัทวิศวกรรมพลังงานภายใต้ชื่อ “บริษัท ไพร์ม อินดัสเทรียล เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด” หรือ PIE ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท (ชำระเต็มจำนวน) กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเมื่อกรกฎาคม 2565 โดย PIE มีเป้าหมายในการประกอบธุรกิจด้านพลังงานทดแทน (Renewable Energy) และอนุรักษ์พลังงาน (Energy Efficiency) และเพื่อแก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทยภายในปี 2608  โดยโอกาสทางธุรกิจของ PIE ในนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศไทย มีดังนี้ ธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม ธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป ธุรกิจเทรดดิ้ง และคาร์บอนเครดิต โดยจะเป็นที่ปรึกษาในการจัดทำ Carbon Footprint รวมทั้งการทำ EV Charger

3.โปรเจคโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเขตเหมียวลี่ ทางตอนเหนือของประเทศไต้หวัน ขณะนี้ดำเนินการในเฟส 1 โดยมีที่ดิน 86 เฮกตาร์ กำลังการผลิตประมาณ 95 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตจัดตั้งภายในเดือนเมษายน 2566  และสามารถขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาสที่ 4/2567

ทั้งนี้มั่นใจว่าเป้าหมายภายในปี 2570 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 1,800 เมกะวัตต์ อย่างแน่นอน

Back to top button