“ส.อ.ท.” โชว์ยอดส่งออกรถยนต์ Q1 ทะลุ 2.73 แสนคัน โต 12.57%

ส.อ.ท. โชว์ยอดส่งออก "รถยนต์สำเร็จรูป" ไตรมาส 1/66 ทะลุ 2.73 แสนคัน โต 12.57% จากไตรมาส 1/65 มั่นใจทั้งปีเข้าเป้า 1.05 ล้านคัน


นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยเดือนมี.ค.66 ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป อยู่ที่ 98,381 คัน เพิ่มขึ้น 4.84% จากเดือนเดียวกันปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 84,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.89% จากเดือนเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 1/66 (ม.ค.-มี.ค.) มียอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป รวมทั้งสิ้น 273,692 คัน เพิ่มขึ้น 12.57% จากไตรมาส 1/65

ขณะที่ยอดการผลิตรถยนต์สำเร็จรูป เดือนมี.ค.66 อยู่ที่ 179,848 คัน เพิ่มขึ้น 4.16% ส่วนไตรมาส 1/66 มียอดการผลิตรถยนต์สำเร็จรูปรวมทั้งสิ้น 507,787 คัน เพิ่มขึ้น 5.77% จากไตรมาส 1/65

ส่วนยอดการจำหน่ายรถยนต์สำเร็จรูป เดือนมี.ค.66 อยู่ที่ 79,943 คัน ลดลง 8.37% ส่วนไตรมาส 1/66 มียอดการจำหน่ายรถยนต์สำเร็จรูปรวมทั้งสิ้น 217,073 คัน ลดลง 6.11% จากไตรมาส 1/65

นายสุรพงษ์ กล่าวถึงแนวโน้มราคารถยนต์ว่า มีโอกาสที่บางรุ่นจะปรับราคาเพิ่มขึ้น ในขณะที่บางรุ่นไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากมีการแข่งขันสูง ประกอบกับมีปัจจัยกดดันจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และหนี้ครัวเรือนของไทยที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นปัญหาต่อการพิจารณาปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงิน โดยเฉพาะรถกระบะ ซึ่งพบว่ามีสัดส่วนการเช่าซื้อสูงถึง 80% ดังนั้นจึงอาจจะทำให้ยอดการจำหน่ายรถกระบะยังมีโอกาสจะลดลงได้ต่อเนื่อง จากที่มีการลดลงมาตลอดในช่วง 3 เดือน

นายสุรพงษ์ ยังเชื่อว่าในปีนี้ยอดการผลิตรถยนต์ จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.95 ล้านคัน เนื่องจากเฉพาะไตรมาสแรกปีนี้ ก็สามารถผลิตได้แล้วถึงกว่า 5 แสนคัน รวมทั้งยังเชื่อว่าการส่งออกรถยนต์ปีนี้จะทำได้ตามเป้าที่ 1.05 ล้านคัน

อย่างไรก็ดี ต้องติดตามสถานการณ์ปัญหาสถาบันการเงินทั้งในสหรัฐอเมริกา และยุโรป เพราะเป็นปัจจัยใหม่ที่เพิ่มเข้ามา รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ที่อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้นำเข้า รวมทั้งต้องจับตาปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่เริ่มมีความตึงเครียดมากขึ้นด้วย

“ตอนนี้มีปัจจัยลบใหม่เข้ามา คือ ปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐ และยุโรป ซึ่งแม้จะแก้ไขได้รวดเร็ว แต่อนาคตก็ยังไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้น และยังมีการทยอยถอนเงินในธนาคารของอังกฤษอยู่ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังมีปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งเหล่านี้จะบั่นทอนกำลังซื้อของประเทศคู่ค้า” โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท.ระบุ

ยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดง

ประเภทไฟฟ้า (BEV)

เดือน มี.ค.66 จดทะเบียนใหม่ 8,809 คัน เพิ่มขึ้น 527.8% จากเดือน มี.ค.65 ส่วนยอดจดทะเบียนใหม่สะสม ช่วงม.ค.-มี.ค.66 มีจำนวนทั้งสิ้น 21,052 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 624.93% ส่งผลให้ ณ วันที่ 31 มี.ค.66 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 53,087 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 272.41%

ประเภท HEV

เดือน มี.ค.66 จดทะเบียนใหม่ 8,828 คัน เพิ่มขึ้น 20.87% จากเดือน มี.ค.65 ส่วนยอดจดทะเบียนใหม่สะสม ช่วงม.ค.-มี.ค.66 มีจำนวนทั้งสิ้น 24,436  คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 43.56% ส่งผลให้ ณ วันที่ 31 มี.ค.66 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 283,885 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 33.01%

ประเภท PHEV

เดือน มี.ค.66 จดทะเบียนใหม่ 1,178 คัน ลดลง 8.68% จากเดือน มี.ค.65 ส่วนยอดจดทะเบียนใหม่สะสม ช่วงม.ค.-มี.ค.66 มีจำนวนทั้งสิ้น 3,388 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 14.11% ส่งผลให้ ณ วันที่ 31 มี.ค.66 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 45,763 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 34.19%

Back to top button