BRI แย้ม Q2 โตดี ตุนแบ็กล็อกแน่น 1.4 พันลบ. ลุยผุด 3 โครงการใหม่เฉียด 4 พันล้าน

BRI แย้มไตรมาส 2/66 โตดี ตุนแบ็กล็อกแน่น 1.4 พันล้าน ทยอยรับรู้ไตรมาส 2-3 ปีนี้ ลุยผุด 3 โครการใหม่มูลค่า 3.8 พันล้าน พร้อมลุยออกหุ้น 2 ชุด ชูดอกเบี้ยสูง 4.70% ขาย18-22 พ.ค. เตรียมนำเงินลุยพัฒนาโครงการ-ขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง


นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ผู้พัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้แนวคิด “CRAFT a life you love” ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก เปิดเผยว่า เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 18 พ.ค. 2566 เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานบริษัทสามารถสร้างยอดขาย (Presale) ได้เท่ากับ 2,545 ล้านบาท และมียอดโอนกรรมสิทธิ์รวมกว่า 1,395 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2565 ประมาณ 10% โดยมีรายได้รวมเท่ากับ 1,477 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 329 ล้านบาท

ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ถือเป็นช่วงที่บริษัทให้ความสำคัญกับการเสริมความแข็งแกร่งระยะยาวให้แก่บริษัท ได้แก่ 1.การจับมือพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อเสริมแกร่งการเติบโตทางธุรกิจระยะยาว 2.การเดินหน้าดูแลสังคมตามกลยุทธ์​ B The Goodness อาทิ การลงพื้นที่เดินหน้าโครงการ Craft Park พัฒนาพื้นที่สีเขียวเพื่อชุมชน ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน การร่วมมือกับมูลนิธิบ้านนกขมิ้น จัดทีมงานสัญจร เดินทางไปรับสิ่งของที่ผู้บริโภคไม่ใช่แล้ว สู่โอกาสของน้อง ๆ เยาวชน

ส่วนปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาส 1/66 บริษัทมีงานในมือ (แบ็กล็อก) ประมาณ 1,431 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกลุ่ม NON-JV ประมาณ 1,206 ล้านบาท และกลุ่ม JV ประมาณ 225 ล้านบาท โดยคาดว่าแบ็กล็อกดังกล่าวจะยอยส่งมอบในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ปี 2566

ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/66 คาดว่าจะโตดีจากไตรมาส 1/66 ตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง รวมทั้งความมั่นของลูกค้าที่คาดว่าจะทยอยดีขึ้น และจากจำนวนโครงการใหม่ที่จะเปิดในไตรมาส 2/66 จำนวน 3 โครงการมูลค่ารวม 3,800 ล้านบาท ได้แก่ บริทาเนีย อยุธยา มูลค่า 1,400 ล้านบาท, บริทาเนีย เทพารักษ์ ศรีนครินทร์ มูลค่า 1,200 ล้านบาท และบริทาเนีย บางนา กม.39 มูลค่า 1,200 ล้านบาท

“สำหรับไตรมาส 2/66 ผ่านมาเกือบๆครึ่งงทางโดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันทำยอดได้แล้วประมาณ 1.5 พันล้านบาท ส่วนยอดโอนตั้งเป้าโตประมาณเกือบ 2 พันล้านบาท โดยจะมาจากแบ็กล็อกประมาณ 1.4 พันล้านบาท ที่เริ่มทยอยโอนในไตรมาส2-3ปีนี้”

ส่วนแนวโนมครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงที่บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่อย่างเต็มกำลังถึง 16 โครงการทั่วประเทศ คาดว่าภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งปีจะยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย และยังเดินหน้าหาแหล่งเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตได้ต่อเนื่อง

ทั้งนี้บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) โดยหุ้นกู้ที่ออกจำหน่ายครั้งนี้แบ่งเป็น 2 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2568 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.00% ต่อปี

ส่วนหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.70% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยจะเสนอขายระหว่างวันที่ 18-19 และวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 และออกหุ้นกู้ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 นี้

โดยบริษัทและหุ้นกู้ของบริษัทได้รับการจัดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 จากบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด และบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ ซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แก่บริษัท และชำระเงินกู้เดิมคืนให้กับบริษัทใหญ่

Back to top button