SVR ออกหุ้นกู้ 600 ล้านบาท ดอกเบี้ย 7% เสนอขาย 26-28 มิ.ย.นี้

SVR ออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 600 ล้านบาท ชูดอกเบี้ย 7% เสนอขาย 26-28 มิ.ย.นี้ ผ่าน 5 บริษัทชั้นนำ GLOBLEX-DAOLSEC-PI-BYD-PST


นายรณฤทธิ์ ฐิติสุริยารักษ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ SVR เปิดเผยว่า ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้อนุมัติแบบแสดงรายการข้อมูลหรือไฟลิ่งการเสนอขาย “หุ้นกู้ไม่มีประกัน” ของบมจ.สิวารมณ์ เรียลเอสเตท ครั้งที่ 1/66 ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน จำนวนไม่เกิน 600 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 68 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พร้อมได้มีการแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GLOBLEX, บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DAOLSEC, บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ PI,บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD และ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PST เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ทั้งนี้ หุ้นกู้ SVR เปิดให้จองซื้อในระหว่างวันที่ 26-28 มิ.ย.นี้  เสนอขายขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ให้กับผู้ลงทุนรายใหญ่ และผู้ลงทุนสถาบัน

“หุ้นกู้ของ บมจ.สิวารมณ์ เรียลเอสเตท ครั้งที่ 1/2566 ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้  และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน จำนวนไม่เกิน 600 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ชุดที่ 1 ไม่เกิน 300 ล้านบาท อายุ 1 ปี 9 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 29 มีนาคม 2568 มีอัตราดอกเบี้ยคงที่  ร้อยละ 7 ต่อปี และชุดที่ 2 ไม่เกิน 300 ล้านบาท อายุ 2 ปี 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 29 ธันวาคม 2568 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 7.35 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน โดยเสนอขายขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ให้แก่นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายใหญ่ ทั้งนี้ ผู้ออกหุ้นกู้สามารถ      ไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอนทั้ง 2 ชุด ได้ตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. 67 เป็นต้นไป”

สำหรับวัตถุประสงค์การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อต้องการนำเงินที่ได้ใช้เป็นเงินทุนซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 440 ล้านบาท และเพื่อนำไปชำระหนี้เงินกู้ยืม จำนวน 160 ล้านบาท และยังเป็นการสอดรับแผนกลยุทธ์การขยายการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ที่เข้าใกล้พื้นที่โซน CBD รอบทิศของกรุงเทพฯ

อย่างไรก็ตาม นายรณฤทธิ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส SVR กล่าวตอกย้ำความมั่นใจว่า หุ้นกู้ของบริษัทฯ น่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักลงทุน ที่เชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของ “สิวารมณ์ เรียลเอสเตท” ทั้งความแข็งแกร่งของธุรกิจในฐานะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีความโดดเด่นด้านการพัฒนาโครงการแบบหมุนเร็ว มีความเข้มแข็งทั้งโครงสร้างธุรกิจ ฐานะการเงิน และการดำเนินการภายใต้หลักบรรษัทภิบาลที่มีเป้าหมายในการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดยในปี 66 บริษัทฯ เตรียมประกาศขับเคลื่อนธุรกิจเต็มสูบ มุ่งสู่ความเป็นเลิศในการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยแบบ Premium Economy หรือ ความคุ้มค่า ของกลุ่ม Real Demand ที่แท้จริงภายใต้การนำพาองค์กรสู่เป้าหมายผลการดำเนินการที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำศักยภาพการเติบโตระดับ High Growth อย่างยั่งยืนในอนาคตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในครึ่งปีหลัง บริษัทฯเตรียมเปิด 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,619 ล้านบาท

ด้าน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการสิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์) มูลค่าโครงการ 691 ล้านบาท ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และจะสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป ส่วนอีก 2 โครงการ คือโครงการ สิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76) โครงการบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการ 528 ล้านบาท และโครงการสิวารมณ์ ไฮด์ (บางแค-สาทร) โครงการบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการ 401 ล้านบาท จะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/66 และจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาภายในไตรมาส 4/66 เป็นต้นไป และจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปอีก 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ตั้งแต่ปี 66 โดย SVR มีอัตราการเติบโตของผลการดำเนินเพิ่มแบบขั้นบันไดอย่างมีนัยสำคัญ

“ทั้งนี้ผลการดำเนินย้อนหลัง ของSVR แสดงให้เห็นถึงสร้างสถิตินิวไฮใหม่ต่อเนื่อง โดยปี 2564 มีรายได้รวม 564 ล้านบาท กำไรสุทธิ 63 ล้านบาท, ปี 2565 มีรายได้รวมที่ 725 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 58 ล้านบาท ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 227.47 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นจากการพัฒนาโครงการเพื่อขายเพิ่มขึ้นเป็น 33.96 %  (จาก 30.39% ในปี2564) และล่าสุดไตรมาส 1/2566 มีรายได้รวม 215 ล้านบาท กำไรสุทธิ 24 ล้านบาท ดังนั้นจึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและตอกย้ำให้เห็นว่าอัตราการเติบโตของSVR ในอนาคต สามารถสร้างทุบสถิติ All-time High สู่การเติบโตระดับ High Growth ได้อย่างแน่นอน” นายรณฤทธิ์ กล่าว

Back to top button