PTT กำไร Q2 แตะ 2 หมื่นล้าน ตามคาด! โบรกชี้ Q3 เด่น รับปิโตร-โรงกลั่นฟื้น

PTT รายงานงบไตรมาส 2/66 กำไรแตะ 2 หมื่นล้านบาทตามคาด กวาดรายได้ 7.8 แสนล้านบาท โบรกชี้ไตรมาส 3/66 เด่น รับธุรกิจปิโตร-โรงกลั่นฟื้น


บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/66 และงวด 6 เดือนแรกของปี มีกำไรสุทธิ ดังนี้

 สำหรับ PTT รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 20,106.89 ล้านบาท ลดลง 48.24% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 38,842.76 ล้านบาท สาเหตุจากบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย 778,065 ล้านบาท ลดลง 16.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้จากการขาย 926,954 ล้านบาท โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น และกลุ่มธุรกิจนํ้ามันและการค้าปลีกที่มีรายได้ลดลงตามราคาขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่ปรับตัวลดลงตามราคาตลาดโลก แม้ว่าปริมาณขายโดยส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้น

รวมทั้งกล่มธุรกิจสํารวจและผลิตปิโตรเลียม มีรายได้จากการขายลดลงจากราคาขายเฉลี่ยและปริมาณขายเฉลี่ยที่ลดลง และรายได้ของกล่มธุรกิจอื่นๆ ลดลงจากการจําหน่ายธุรกิจถ่านหิน ขณะที่กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากธุรกิจจัดหาและจัดจําหน่ายก๊าซฯ ตามปริมาณการขายก๊าซฯ ที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยลดลงตามราคา Pool Ga

ส่วน EBITDA อยู่ที่ 92,625 ล้านบาท ลดลง 49.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 182,777 ล้านบาท โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น สําหรับธุรกิจการกลั่น มีผลการดําเนินงานลดลงจากผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันในไตรมาสนี้ ซึ่งกลุ่ม ปตท. มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันในไตรมาส 2/2566 ประมาณ 4,000 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2/2565 เป็นกําไรประมาณ 19,000 ล้านบาท รวมทั้ง Market GRM ลดลงจาก 21.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในไตรมาส 2/2565 เป็น 4.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในไตรมาส 2/2566 จากส่วนต่างราคานํ้ามันอากาศยานน้ำมันดีเซล และนํ้ามันเบนซิน กับนํ้ามันดิบปรับลดลงแม้ว่าปริมาณขายเพิ่มขึ้น ส่วนของผลการดําเนินงานของธุรกิจปิโตรเคมีปรับตัวลดลงโดยหลักจากกลุ่มโอเลฟินส์จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบปรับลดลง

นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจสํารวจและผลิตปิโตรเลียมมีผลการดําเนินงานลดลงตามรายได้จากการขายที่ลดลง กลุ่มธุรกิจอื่นๆ มีผลการดําเนินงานลดลงจากการจําหน่ายธุรกิจถ่านหินดังกล่าวข้างต้น กลุ่มธุรกิจนํ้ามันและการค้าปลีก รวมถึงกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศมีผลการดําเนินงานลดลงเช่นกัน โดยหลักจากกําไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อหน่วยที่ลดลง แม้ว่าปริมาณการขายเพิ่มขึ้น

สําหรับกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดําเนินงานลดลงโดยหลักจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ที่มีราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงทุกผลิตภัณฑ์ตามราคาปิโตรเคมีในตลาดที่ใช้อ้างอิง แม้ว่าปริมาณการขายเพิ่มมขึ้น รวมถึงธุรกิจท่อส่งก๊าซฯ ที่ลดลงจากการปรับอัตราค่าผ่านท่อ

โดยตาม EBITDA ที่ลดลง แม้ว่ามีกําไรจากตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และภาษีเงินได้ลดลง นอกจากนี้ในไตรมาส 2/2566 มีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจําสุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นกําไรประมาณ 20 ล้านบาท โดยหลักจากการรับรู้ส่วนลด Shortfall ของ ปตท. ขณะที่ในไตรมาส 2/2565 มีการรับรู้ขาดทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยหลักจากรายการภาษีจากการขายเงินลงทุน GPSC ของ TOP สุทธิกับการรับรู้ส่วนลด Shortfall ของ ปตท.

โดย Consensus ประมาณการกำไรสุทธิไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ด้าน บล.กรุงศรี ระบุว่า แนวโน้มไตรมาส 3/2566 คาดจะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้าได้ จากทั้งธุรกิจปิโตร, โรงกลั่น และธุรกิจก๊าซ โดยประเมินกำไรปี 2566 ที่ 1.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มองธุรกิจก๊าซฟื้นตัว จากทั้งปริมาณขายและอัตรากำไรฟื้นตามต้นทุนปรับลง จะชดเชยฝั่งธุรกิจ โรงกลั่น และปิโตร รวมถึงธุรกิจสำรวจได้

Back to top button