INSET โชว์รายได้ไตรมาส 2 แตะ 711 ล้านบาท แจกปันผล 0.04 บาท

INSET เปิดรายได้ไตรมาส 2/66 โต 63% กำไรสุทธิอยู่ที่ 42 ล้านบาท บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น กำหนดจ่ายวันที่ 8 ก.ย.66 และขึ้น XD วันที่ 24 ส.ค. นี้ โชว์ “แบ็กล็อก” กว่า 1,200 ล้านบาท


นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/66 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.66 บริษัทฯมีรายได้รวม 711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 276 ล้านบาท หรือ 63% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 435 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 42 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในงวด 6 เดือนแรกของปี 66 บริษัทฯมีรายได้รวม 1,164 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 476 ล้านบาท หรือ 69% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 687 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 66 ล้านบาท

โดยสำหรับปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/66 มีปัจจัยมาจากการส่งมอบสินค้า ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ Trading Telecom & Hardware IT  Equipment ทำให้มียอดขายสินค้าเพิ่มขึ้น ช่วยสนับสนุนรายได้ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด งานให้บริการก่อสร้างโครงข่ายโทรคมนาคมรองรับ (5G) ,งานด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับ Data Center และรายได้ประจำ (Recurring Income) จากธุรกิจซ่อมบำรุง Data Center

ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 3/66 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท  รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 30.35 ล้านบาท และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 25 ส.ค.66 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 8 ก.ย.66

“แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 66 มั่นใจว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีงาน Data Center และงานระบบโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม (งาน 5G) เร่งขยายโครงการที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากความต้องการใช้ Cloud เพิ่มสูงขึ้น และผู้ประกอบการภาคเอกชนเอง ต้องการที่จะลงทุนขยาย Data Center ให้สอดคล้องกับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) กว่า 1,200 ล้านบาท และมีโครงการที่รับรู้รายได้สม่ำเสมอ หรือ Recurring Income ได้นาน 3-5 ปี ซึ่งจะสนับสนุนความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ในระยะยาว” นายศักดิ์บวร กล่าว

นายศักดิ์บวร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ได้เข้าร่วมประมูลงานใหม่เพิ่มอีกหลายโครงการ มีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงาน จากการเร่งขยายตัวของผู้ประกอบการในด้านธุรกิจ งานระบบ 5G, Data Center และ Cloud โดยจะมีการทยอยประกาศผลการประมูลได้ภายในครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดว่าจะได้รับงานไม่ต่ำกว่า 50% ของมูลค่างานทั้งหมดซึ่งจะผลักดันการเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี

Back to top button